คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง แต่มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไรฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์ไม่ใช่สมาชิกของสมาคมได้ฟ้องสมาคมซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้วกับพวกเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัดสมาคมและมูลนิธิ พ.ศ.2499มาตรา 52,53,5556 ตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี โจทก์จะมาดำเนินคดีหาได้ไม่ และตามมาตรา 52,55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายส่วนมาตรา 56ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่เรื่องนี้สมาคมจำเลยได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศลจำเลยที่ 1ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่กรรมในการฌาปนกิจศพ จำเลยที่ 2 เป็นนายกสมาคม จำเลยที่ 3 เป็นเหรัญญิก จำเลยที่ 4 เป็นอุปนายกจำเลยที่ 5 เป็นนายทะเบียน จำเลยที่ 6 เป็นบรรณารักษ์ จำเลยที่ 7 เป็นปฏิคม จำเลยที่ 8 ถึงที่ 30 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ถึง 8 เป็นผู้จัดการสมาคมโดยเป็นกรรมการ เป็นผู้แนะนำโฆษณากิจการของสมาคม และแสวงหาบุคคลให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมดังกล่าวโดยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน จำเลยนี้กับพวกได้บังอาจสมคบร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง ต่างกรรมต่างวาระกันโดยจำเลยเจตนาทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และแสดงตนเป็นคนอื่นด้วยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตใจของนางคอย ทรัพย์อ่วม และโจทก์ว่าจะจ่ายเงินค่าสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม เมื่อนางคอย ทรัพย์อ่วม สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมสมบูรณ์แล้ว นางคอย ทรัพย์อ่วมสมาชิกของสมาคมถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยจะจ่ายเงินค่าฌาปนกิจศพนางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นเงิน 12,000 บาทให้โจทก์ โดยให้ลงชื่อโจทก์เป็นทายาทผู้รับเงินสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม ไว้ในหนังสือต้อนรับของสมาคมโจทก์และนางคอย ทรัพย์อ่วม หลงเชื่อคำหลอกลวงของจำเลยว่าเป็นความจริง จึงได้ส่งเงินให้จำเลยครั้งแรกเป็นเงิน 130 บาท คือค่าสมัคร ค่าบำรุงสมาคม กับค่าอุปการะศพล่วงหน้า และนำตัวนางคอย ทรัพย์อ่วม ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศล และเมื่อนางคอยยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกครบ 60 วันแล้ว จำเลยว่านางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นสมาชิกของสมาคมโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้ว มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์จากสมาคมจำนวน 12,000 บาทได้แล้ว ต่อมานางคอย ทรัพย์อ่วม ถึงแก่กรรม ระหว่างมีชีวิตอยู่ได้ชำระเงินให้จำเลยโดยมิได้ผิดนัด จำเลยเรียกเก็บเงินจากนางคอย ทรัพย์อ่วม รวมทั้งสิ้น 330 บาท เมื่อนางคอย ทรัพย์อ่วมสมาชิกของสมาคมได้ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ในฐานะเป็นทายาทผู้รับเงินสงเคราะห์ศพนางคอย ทรัพย์อ่วม ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงการตายของนางคอย ทรัพย์อ่วม และขอรับเงินค่าสงเคราะห์ศพจากจำเลย ตามที่จำเลยได้โฆษณาให้สัญญาไว้ก่อนสมัครเข้าเป็นสมาชิก จำเลยได้พูดจาบิดเบือนและเบี่ยงบ่ายโดยอาการต่าง ๆ ในที่สุดปฏิเสธไม่ยอมจ่ายโดยสิ้นเชิง โจทก์จึงทราบว่าจำเลยฉ้อโกงโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดวัตถุประสงค์ของสมาคมศรีดอนไผ่สงเคราะห์การกุศลโจทก์จึงขออนุญาตตรวจตราความเป็นอยู่แห่งกิจการของสมาคมและทรัพย์สินของสมาคม จำเลยไม่ยอม การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เดือดร้อนเสียหายจึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342(2), 343 วรรค 2 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 52, 53 55 และ 56

ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าตามคำฟ้องของโจทก์ แสดงว่านางคอย ทรัพย์อ่วม เป็นผู้เสียหาย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในเมื่อนางคอย ทรัพย์อ่วม ไม่ได้ฟ้องคดีไว้ก่อนตาย อนึ่งตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงเพราะไม่ได้กล่าวว่าความเท็จอย่างใด และความจริงมีอยู่อย่างใดและเห็นว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง และในข้อหาตามพระราชบัญญัติห้างหุ้นส่วน ฯลฯ นั้น โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงนางคอย ทรัพย์อ่วม โจทก์และประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดความจริงแต่โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าความจริงเป็นอย่างไร และความเท็จเป็นอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฉ้อโกง และตามมาตรา 53 ของพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ก็เป็นเรื่องที่สมาชิกของสมาคมจะดำเนินคดี แต่โจทก์หาใช่เป็นสมาชิกของสมาคมแต่ประการใดไม่ และตามมาตรา 52, 55 โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย ส่วนมาตรา 56 ก็เป็นเรื่องของสมาคมที่ยังไม่ได้จดทะเบียน แต่เรื่องนี้จำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา จึงพิพากษายืน

Share