แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าได้รับซื้อที่นามีโฉนดซึ่งยังไม่ได้โอนกันแต่โจทก์ได้ครอบครองมากว่า 20 ปีแล้วได้มอบให้จำเลยไปประกาศรับมฤดก-ผู้ขายเพื่อโอนให้โจทก์แล้วกลับไม่โอนให้ จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาจะซื้อขายขาดอายุความ ดังนี้ศาลไม่ควรวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ โดยไม่สืบพะยานให้สิ้นกระแสร์ความเพราะพฤติการณ์อาจเป็นการรับสภาพหนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๒๕ ปีมานี้บิดาจำเลยได้ตกลงจะขายที่นามีโฉนดให้ ต. บิดาโจทก์และได้รับเงินล่วงหน้าไปจาก ต. แล้วสัญญาว่าจะโอนให้ในเดือนเดียวกัน ตามสำเนาสัญญาลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๔๖๗ ท้ายฟ้อง และได้มอบนาและโฉนดให้ ต. ครอบครอง แต่หาได้ไปโอนให้ไม่ ต. คงครอบครองนาและยึดถือโฉนดจนตายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ โจทก์ได้รับมฤดกและครอบครองติดต่อกับ ต. รวมกันมา ๒๔ ปี แล้วได้กรรมสิทธิ เดือนเมษายน ๒๔๙๑ จำเลยตกลงจะจัดการโอนให้โจทก์และไปจัดการประกาศรับมฤดกแล้วกลับไม่ยอมโอนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าบิดามารดาจำเลยไม่เคยตกลงจะขายและไม่เคยรับเงินล่วงหน้าจาก ต. หากทำสัญญาจะซื้อขายกันจริงก็ล่วงเลยมาเกิน ๑๐ ปีแล้ว บิดาจำเลยตายมา ๑๕ ปีเศษ ต. และโจทก์หมดสิทธิเรียกร้องในกองมฤดกของบิดาจำเลย และอื่น ๆ หลายประการ ก่อนสืบพะยานจำเลยขอให้ศาลชี้ขาดข้อกฎหมายในเบื้องต้น ในข้ออายุความและข้อครอบครองซึ่งจำเลยว่าโจทก์สละสิทธิครอบครอง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตาม ป.พ.พ.ม. ๑๖๓,๑๖๔,๑๖๙ แล้ว ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตาม ม. ๑๖๓,๑๖๔ และเห็นต่อไปว่าสัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญาจะขาย ต.บิดาโจทก์จึงเป็นแต่ครอบครองแทนบิดาจำเลยเจ้าของที่ดินเท่านั้น ไม่เป็นครอบครองปรปักษ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ฉะเพาะในข้อกฎหมายเรื่องอายุความ ส่วนเรื่องครอบครองเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงไม่รับฎีกาในข้อหลัง
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การยังปฏิเสธอยู่ ลำพังแต่คำฟ้องและคำให้การยังไม่พอให้วินิจฉัยชี้ขาดได้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ พฤติการณ์อาจถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็ได้ ควรดำเนินการพิจารณาต่อไป ส่วนเรื่องการครอบครองยังไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลทั้ง ๒ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่