คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7199/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 96ประกอบมาตรา 86 และ 89 กำหนดให้การฟ้องคดีเกี่ยวกับการประเมินภาษีสรรพสามิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้ทำการคัดค้านการประเมินต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 2 หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายและต้องได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามกฎหมายภายในกำหนดเวลาด้วย แต่ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าหลังจากโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินให้ชำระภาษีสรรพสามิตแล้วโจทก์ได้คัดค้านการประเมินหรือได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อนที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
แม้กรมศุลกากรจำเลยที่ 1 จะได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิตให้ดำเนินการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแทนจำเลยที่ 2ก็ตาม แต่ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าอธิบดีกรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้กรมศุลกากรจำเลยที่ 1 หรือเจ้าหน้าที่คนใดในกรมศุลกากรเป็นผู้รับคำคัดค้านหรือรับอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพสามิต จำเลยที่ 2 การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อกองวิเคราะห์ราคา กรมศุลกากร ยังฟังไม่ได้ว่ายื่นอุทธรณ์ต่อผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิต โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินค่าอากรขาเข้าเงินเพิ่มอากรพิเศษ ภาษีสรรพสามิต เงินเพิ่มสรรพสามิตแก่โจทก์จำนวน 5,348,747 บาท และให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 5,255,212 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินราคาสินค้าของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปโดยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและราคาสินค้าที่เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินนั้นก็เป็นราคาสินค้าอันแท้จริงในท้องตลาดแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินค่าภาษีอากรที่โจทก์ได้ชำระไปจำนวน 5,255,212 บาทพร้อมดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ข้อแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 หรือไม่เห็นว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 96ประกอบมาตรา 86 และ 89 กำหนดให้การฟ้องคดีเกี่ยวกับการประเมินภาษีสรรพสามิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้ทำการคัดค้านการประเมินต่ออธิบดีกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 2 หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายและต้องได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามกฎหมายภายในกำหนดเวลาด้วยแต่ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่า หลังจากโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินให้ชำระภาษีสรรพสามิตแล้วโจทก์ได้คัดค้านการประเมินหรือได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 2 แต่อย่างใดเลย เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อนที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่โจทก์อุทธรณ์อ้างว่าเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตโดยได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิต จำเลยที่ 2 แล้ว เมื่อโจทก์เห็นว่าแบบแจ้งการประเมินอากรขาเข้าไม่ถูกต้อง โจทก์จึงอุทธรณ์ไปยังกองวิเคราะห์ราคากรมศุลกากรภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งการประเมินแล้ว เห็นว่า แม้กรมศุลกากรจำเลยที่ 1 จะได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิตให้ดำเนินการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแทนจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าอธิบดีกรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้กรมศุลกากรจำเลยที่ 1 หรือกองใด หรือเจ้าหน้าที่คนใดในกรมศุลกากรเป็นผู้ที่รับคำคัดค้านหรือรับอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 2 เลย การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่ายื่นอุทธรณ์ต่อผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิตโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2

พิพากษายืน

Share