แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตามฟ้องข้อ (ค) ในวันเวลาเดียวกันกับความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามฟ้องข้อ (ข) โดยแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ของกลางเป็นจำนวนเดียวกัน และเป็นการกระทำในคราวเดียวกันโดยจำเลยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อผล คือ นำแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ดังกล่าวออกให้เช่าเช่นเดียวกัน การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ค) จึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามฟ้องข้อ (ข)
แผ่นภาพยนตร์กับแผ่นวีดิทัศน์ของกลางมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เป็นความผิด ได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต และความผิดฐานให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์อันพึงริบได้ตาม ป.อ. มาตรา 32 และมาตรา 33 เนื่องจากสาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการและไม่นำภาพยนตร์กับวีดิทัศน์ไปให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตรวจพิจารณาอนุญาตก่อนนำออกให้เช่า
สมุดรายการเช่าของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตโดยตรง กล่าวคือ สมุดรายการเช่าเป็นปัจจัยหลักและส่วนสำคัญที่ใช้ในการกระทำความผิดเพราะเป็นหลักฐานในการเช่า ติดตามแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ที่ให้เช่า ตลอดจนคิดค่าปรับต่าง ๆ จึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด อันพึงริบได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 28, 29, 31, 70, 75, 76 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 25, 38, 47, 54, 78, 79, 81, 82 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ให้แผ่นวีซีดีภาพยนตร์ของกลาง 10 แผ่น ที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้องข้อ (ก) พร้อมปกภาพยนตร์ 3 แผ่น ตกเป็นของผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ริบแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ รวม 1,583 แผ่น กับสมุดรายการเช่าของกลาง และสั่งจ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 (1), 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38, 79 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าให้รอการกำหนดโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือ จำหน่ายภาพยนตร์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 200,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ตามฟ้อง ให้ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตตามฟ้องข้อ (ค) ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติตามที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ (ค) ว่า จำเลยให้เช่าแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ 1,578 แผ่นและแผ่นวีดิทัศน์ 5 แผ่น ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 78 และมาตรา 47 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 81 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาเพียงว่า คำขออื่นให้ยก โดยไม่ได้ให้เหตุผลในการตัดสินและชี้ขาดให้ชัดเจนว่าจะยกฟ้องหรือลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 (6) (8) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตตามฟ้องข้อ (ค) ในวันเวลาเดียวกันกับความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามฟ้องข้อ (ข) โดยแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ของกลางเป็นจำนวนเดียวกัน และเป็นการกระทำในคราวเดียวกันโดยจำเลยมีเจตนามุ่งประสงค์ต่อผลคือ นำแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ออกให้เช่าเช่นเดียวกัน การกระทำของจำเลยตามฟ้องข้อ (ค) จึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามฟ้องข้อ (ข)
มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการต่อไปว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้พิพากษาริบแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์รวม 1,583 แผ่น กับสมุดรายการเช่าของกลาง และไม่ได้สั่งจ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ชอบแล้วหรือไม่ แผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ 1,583 แผ่น จำเลยใช้ในการประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งไม่ได้ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ตามฟ้องข้อ (ข) และ (ค) ซึ่งสาระสำคัญของการกระทำความผิดอยู่ที่การไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการและไม่นำภาพยนตร์กับวีดิทัศน์ไปให้คณะกรรมการตรวจพิจารณาอนุญาตก่อนนำออกให้เช่า แผ่นภาพยนตร์กับวีดิทัศน์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สิน ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิด ได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด อันพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และมาตรา 33 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้พิพากษาให้ริบแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ของกลาง 1,583 แผ่น จึงชอบแล้ว สำหรับสมุดรายการเช่าของกลาง เป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้ในการประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์และวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตอันเป็นความผิดตามฟ้องข้อ (ข) โดยตรงกล่าวคือ สมุดรายการเช่าเป็นปัจจัยหลักและส่วนสำคัญที่ใช้ในการกระทำความผิด เพราะเป็นหลักฐานในการเช่า ติดตามแผ่นภาพยนตร์และแผ่นวีดิทัศน์ที่ให้เช่าตลอดจนคิดค่าปรับต่าง ๆ จึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรให้ริบสมุดรายการเช่าตามคำขอของโจทก์ แต่ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้สั่งจ่ายเงินค่าปรับกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้รอการกำหนดโทษในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้า จึงไม่มีค่าปรับในความผิดฐานดังกล่าวที่จะสั่งจ่ายให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 76 การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาลงโทษจำเลยฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยทำเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ปรับ 200,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 เป็นการไม่ถูกต้อง จึงเห็นสมควรแก้ไขในส่วนนี้ให้ถูกต้องเสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 จำเลยมีความผิดตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 79, มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 82, มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 78 และมาตรา 47 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 81 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานประกอบกิจการให้เช่าภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 200,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 100,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบสมุดรายการเช่าของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง