คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7178/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การมีอาวุธปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและการมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนอนุญาตให้มีในครอบครองไม่ได้ กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้คนละมาตรา ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกัน และการกระทำความผิดสองฐานดังกล่าวแยกออกได้จากการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนในครอบครอง ดังนี้แม้จำเลยมีอาวุธปืน กระสุนปืนและเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องในครอบครองในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2 เม็ด น้ำหนัก 0.14 กรัม ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และมีอาวุธปืนลูกซองพกชนิดประกอบขึ้นเองขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก ใช้ยิงได้ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนของนายทะเบียนท้องที่ประทับไว้ มีกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 4 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย กับมีกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 21 นัดและขนาด 7.62 มม. (นาโต้) จำนวน 11 นัด ใช้ยิงได้ อันเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 67พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบอาวุธปืนกับกระสุนปืนขนาด 12 ของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72 วรรคหนึ่ง,78 วรรคหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วจำเลยกระทำความผิดหลายกระทงและของกลางเกี่ยวกับกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธปืนสงครามมีจำนวนมาก จึงไม่รอการลงโทษ

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนขนาด 12 ของกลาง

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า กระสุนปืนของกลางเป็นของผู้ที่นำรถยนต์ไปว่าจ้างให้จำเลยซ่อมเคาะทาสีใหม่ จำเลยเก็บไว้เพื่อคืนให้ผู้ว่าจ้างเมื่อซ่อมเสร็จตามวิธีปฏิบัติของผู้ประกอบกิจการซ่อมรถยนต์ทั้งหลาย ส่วนเมทแอมเฟตามีนของกลางก็มิใช่ของจำเลย อาจเป็นของลูกจ้างจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพเพราะเจ้าพนักงานตำรวจพบที่บ้านจำเลยนั้น ชั้นพิจารณาเมื่อศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้วเพื่อให้ศาลฎีการับฟังเป็นอย่างอื่นย่อมมิได้ ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นั้น เห็นว่า การมีอาวุธปืนในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและการมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนอนุญาตให้มีในครอบครองไม่ได้ กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้คนละมาตรา ย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิดสองฐานนี้ออกจากกันและการกระทำความผิดสองฐานดังกล่าวแยกออกได้จากการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนในครอบครอง ดังนี้ แม้จำเลยมีอาวุธปืน กระสุนปืนและเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องในครอบครองในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยกระทำผิดคดีนี้เป็นครั้งแรกตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติปรากฏว่า จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและมีอาชีพเป็นกิจจะลักษณะ ประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีแม้จำเลยกระทำผิดหลายบทหลายกรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นร้ายแรงมากนัก เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยสักครั้งโดยรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยและกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลยไว้ ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้จำเลยมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นแต่เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบเห็นควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง สำหรับความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองและฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต”

พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองให้ปรับ 20,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ปรับ20,000 บาท รวมปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้เป็นเวลา 2 ปี กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ต่อครั้ง เป็นเวลา 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share