คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทมีชื่อผู้ร้องสอดกับ ย. เจ้ามรดกเป็นเจ้าของรวมกันใน น.ส. 3 หลังจากโจทก์ จำเลย และผู้ร้องสอดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ผู้ร้องสอดได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทส่วนของตนให้แก่ ค. ค. จึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาทสืบต่อจากผู้ร้องสอด ทั้งในชั้นที่เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาตามยอม ศาลชั้นต้นก็ให้ ค. เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำชี้เพื่อแบ่งแยกด้วย จึงถือว่า ค. ได้เข้ามาในคดีและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้แบ่ง ที่ดินพิพาทตามที่จำเลยเป็นผู้นำชี้กระทบสิทธิของ ค. ค. ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้แบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เนื้อที่ ๔๐ ไร่ ๒ งาน ๔๑ ตารางวา เป็นของผู้ร้องสอดในฐานะเจ้าของรวม ๒๐ ไร่ ๑ งาน ๒๐ ตารางวา ส่วนที่เหลือให้แบ่งออกเป็น ๙ ส่วน เท่า ๆ กัน แก่ผู้ร้องสอด โจทก์ทั้งสาม จำเลยทั้งสาม และทายาทคือนางยอน นางบังอร คนละส่วนเท่า ๆ กัน แต่เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถดำเนินการแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้คู่ความได้ เนื่องจากที่ดินพิพาทมีเนื้อที่ทั้งแปลงน้อยกว่าที่ระบุไวัในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) กับปรากฏว่าผู้ร้องสอดได้จดทะเบียนยกส่วนของตนตาม น.ส. ๓ ดังกล่าวให้แก่นางคำเพียร ก่อนที่จะมีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาตามยอม และนางคำเพียร ผู้รับโอนที่ดินจากผู้ร้องสอด คัดค้านวิธีการแบ่งแยกที่ดิน
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมคู่ความ แล้วมีคำสั่งให้แบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งสาม จำเลยทั้งสาม ผู้ร้องสอด นางยอน และนางบังอร โดยให้ด้านหนึ่งของที่ดินที่แบ่งแยกทุกแปลงติดทางสาธารณะ
นางคำเพียรอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้ผู้อุทธรณ์ ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
นางคำเพียรฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของนางคำเพียรว่า นางคำเพียรมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งของ ศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทมีชื่อผู้ร้องสอดกับนายหยู่ เจ้ามรดก เป็นเจ้าของรวมกันใน น.ส. ๓ หลังจากโจทก์ทั้งสาม จำเลยทั้งสาม และผู้ร้องสอดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ผู้ร้องสอดได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทส่วนของตนตาม น.ส. ๓ ดังกล่าว ให้แก่นางคำเพียร ตามสารบัญการจดทะเบียนด้านหลังสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ท้ายหนังสือเจ้าพนักงานที่ดิน นางคำเพียรจึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินพิพาทสืบต่อจากผู้ร้องสอด ทั้งในชั้นที่เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามคำพิพากษาตามยอม ศาลชั้นต้นก็ให้นางคำเพียร เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำชี้เพื่อแบ่งแยกด้วย จึงถือว่านางคำเพียร ได้เข้ามาในคดีและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้แบ่ง ที่ดินพิพาทตามรูปแผนที่ที่จำเลยที่ ๓ เป็นผู้นำชี้กระทบสิทธิของนางคำเพียร นางคำเพียรย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วินิจฉัยว่า นางคำเพียรเป็นเพียงบุคคลภายนอกซึ่งรับโอนที่ดินจากผู้ร้องสอด หาใช่คู่ความที่จะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ รับอุทธรณ์ของนางคำเพียร ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ .

Share