แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยเปิดทางภารจำยอมให้มีความกว้าง 3 เมตรตลอดแนวทาง และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมดังกล่าว และปรับที่ดินให้มีสภาพเป็นทางสัญจรไปมาตามปกติ จำเลยรื้อถอนตึกแถวที่ปลูกติดกับทางภารจำยอมโดยรื้อถอนส่วนล่างทั้งหมด แต่มีกันสาดคานรับกันสาด กับส่วนบนของอาคารชั้นสองยังรุกล้ำเข้าไปเหนือพื้นดินทางภารจำยอม โดยส่วนของกันสาดรุกล้ำเข้าไป 1.38 เมตร สูงจากพื้นดิน3.30 เมตร และคานรับกันสาดซึ่งอยู่ติดกับกันสาดรุกล้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งของกันสาด ส่วนที่ต่ำที่สุดของคานรับกันสาดอยู่ติดกับตัวอาคารสูง 2.67เมตร ดังนี้เมื่อทางภารจำยอมที่พิพาทได้ใช้เป็นทางคนเดินและเป็นทางที่รถยนต์บรรทุกใช้ผ่านเข้าออกได้ สำหรับรถยนต์บรรทุกไม่ได้ความว่าใช้บรรทุกของมีความสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมเพียงใด จึงต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายโดยบรรทุกของได้ส่วนสูงวัดจากพื้นดินไม่เกิน 3 เมตร ฉะนั้น จำเลยจึงยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลให้ครบถ้วน และจำเลยต้องรื้อถอนตึกแถวส่วนบนที่ยังกีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมเฉพาะที่มีส่วนสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมไม่เกิน 3 เมตรออกไปให้หมด
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกายื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาล เพราะจำเลยรื้อตัดอาคารออกไปเพียงส่วนชั้นล่างของอาคารริมทางคนเดินเท่านั้น ส่วนด้านบนของอาคารหาได้รื้อตัดออกไปให้พ้นแนวเขตทางเดินไม่ โจทก์มีสิทธิเหนือพื้นดินหรือแดนกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้จำเลยรื้อตัดอาคารส่วนบนออกไปให้พ้นแนวเขตทางภารจำยอม และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาทจนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา
จำเลยแถลงคัดค้านว่า จำเลยรื้อถอนตัวตึกชั้นล่างและกำแพงออก จนทางภารจำยอมนั้นปราศจากสิ่งกีดขวาง ผู้คนใช้สัญจรเข้าออกตลอดจนรถยนต์บรรทุกเข้าออกได้ อันเป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว การที่จำเลยมิได้รื้อตัวตึกชั้นบนออกเพราะถือว่าตัวตึกที่ยื่นออกมาทางอากาศ สูงกว่าผิวทางภารจำยอมมากไม่กีดขวางการใช้ทางภารจำยอม โจทก์จะอ้างเรื่องแดนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบที่พิพาท และโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแล้ว ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตึกแถวของจำเลยที่ปลูกติดกับทางภารจำยอม จำเลยรื้อถอนส่วนล่างทั้งหมดแล้ว แต่มีกันสาด คานรับกันสาดกับส่วนบนของอาคารชั้นสองยังรุกล้ำเข้าไปเหนือพื้นดินทางภารจำยอมโดยส่วนของกันสาดรุกล้ำเข้าไป 1.38 เมตร สูงจากพื้นดิน 3.30 เมตร และคานรับกันสาดซึ่งอยู่ติดกับกันสาดรุกล้ำเข้าไปครึ่งหนึ่งของกันสาด ส่วนที่ต่ำสุดของคานรับกันสาดอยู่ติดกับตัวอาคารสูงประมาณ 2.67 เมตร คดีนี้ศาลพิพากษาให้จำเลยเปิดทางภารจำยอมให้มีความกว้าง 3 เมตรตลอดแนวทางและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมดังกล่าวและปรับที่ดินให้มีสภาพเป็นทางสัญจรไปมาตามปกติ ข้อเท็จจริงได้ความว่าการใช้ทางภารจำยอมที่พิพาทได้ใช้เป็นทางคนเดินและเป็นทางที่รถจักรยานสามล้อ รถเข็นของ รถยนต์บรรทุกใช้ผ่านเข้าออกได้ สำหรับรถยนต์บรรทุกไม่ได้ความว่าใช้บรรทุกของมีความสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมเพียงใด จึงต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายโดยบรรทุกของได้ส่วนสูงวัดจากพื้นดินไม่เกิน 3 เมตร จำเลยจึงยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลให้ครบถ้วน และจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาแก่โจทก์ตามที่โจทก์ขอ
พิพากษาแก้ ให้จำเลยรื้อถอนตึกแถวของจำเลยส่วนบนที่ยังกีดขวางรุกล้ำทางภารจำยอมเฉพาะที่มีส่วนสูงจากพื้นดินทางภารจำยอมไม่เกิน 3 เมตรออกไปให้หมด และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาแก่โจทก์เดือนละ500 บาท ติดต่อกันไป จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและบังคับของศาลโดยครบถ้วน