คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีปากเสียงกับพวกผู้ตายก่อนเกิดเหตุเมื่อผู้ตายเดินมาหาพวก ซึ่งพากันออกมายืนหน้าร้านพร้อมกับจำเลย ผู้ตายก้มลงเก็บของตกห่างจำเลยประมาณ 2 วา จำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราอยู่ด้วย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตนจึงชักปืนยิงผู้ตายเช่นนี้เป็นการเข้าใจโดยไม่มีเหตุอันควรและแม้ความสำคัญผิดจะเกิดจากความประมาทก็เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ
ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตาม มาตรา199 จะต้องกระทำด้วยความมุ่งหมายเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จึงจะเข้าองค์ประกอบความผิด
ความผิดตามมาตรา 200 ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำหรือละเว้นกระทำในตำแหน่งอันมิชอบ จะต้องมีความมุ่งหมายเพื่อช่วยบุคคลอื่น จึงจะเป็นความผิดตามมาตรานี้หากเพื่อช่วยเหลือตัวผู้กระทำผิดเอง และเกิดเสียหายแก่ผู้อื่น ย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 157
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาท โจทก์ฎีกาให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาได้ เพราะเป็นปัญหาเรื่องกรรมเดียวเป็นผิดกฎหมายหลายบทเมื่อศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปีจึงไม่ต้องห้ามฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ รักษาการในตำแหน่งผู้บังคับกองสถานีตำรวจภูธรบังอาจกระทำผิดหลายบทกระทง คือ1. ใช้อาวุธปืนยิงนายเสือ พุ่มจันทร์ ถึงแก่ความตายโดยเจตนา 2. ใช้อาวุธปืนยิงขู่ขัดขวางมิให้นายสุทินกับพวกกล้าเข้ามาแจ้งความที่สถานีตำรวจภายหลังเกิดเหตุแล้ว 3. สั่งการวานใช้ให้ย้ายศพผู้ตายไปเผาโดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพ 4. ใช้ให้พลตำรวจเสนอบันทึกข้อความซึ่งจำเลยรู้ว่าเป็นความเท็จลงในสมุดรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน 5. ทำสำนวนการสอบสวนบิดเบือนความจริง ใช้อุบายหลอกลวงให้พยานลงชื่อในคำให้การโดยไม่อ่านให้ฟัง และละเว้นไม่สอบสวนพยานอีกหลายคนซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติและละเว้นปฏิบัติการในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อช่วยตัวเองมิให้ต้องรับโทษ และเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 200, 199, 157, 84 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 149, 150, 154 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496 มาตรา 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2499 มาตรา 8 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้อาวุธปืนยิงนายเสือตายโดยสำคัญผิดอันเกิดจากความประมาทว่าผู้ตายเป็นคนร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 62 วรรค 2 ให้ลงโทษตามมาตรา 291 จำคุกไว้ 6 ปีกระทงหนึ่ง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขัดขวางไม่ให้นายสุทินกับพวกแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ให้จำคุกจำเลยไว้2 ปี กระทงหนึ่งและฐานจัดการและสั่งการให้ลอบย้ายและทำลายศพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 84 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 149 อันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงตามมาตรา 199 อันเป็นบทหนักโดยให้จำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี อีกกระทงหนึ่ง รวมเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งหมดมีกำหนด 10 ปี ให้ริบของกลาง คำขออื่นให้ยก

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยสำคัญผิดว่าจะทำร้ายจำเลยด้วยความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรค 2 ให้ลงโทษตามมาตรา 291 กระทงหนึ่งฐานเป็นเจ้าพนักงานสั่งให้ย้ายศพผู้ตายกระทงหนึ่ง ฐานสั่งให้พลตำรวจเสนอบันทึกข้อความเท็จลงในสมุดรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน ฐานทำสำนวนสอบสวนไม่ตรงกับความจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 ส่วนข้อหาว่าขัดขวางนายสุทินกับพวกมิให้แจ้งความและทำลายศพผู้ตายฟังว่าไม่ผิด ให้ลงโทษตามมาตรา 291 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตาม มาตรา 91 จำคุกไว้ 6 ปีริบของกลางข้อหาอื่นให้ยก

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงในข้อหาฆ่าผู้ตายว่าก่อนเกิดเหตุ จำเลยมีปากเสียงกับนายสุทินกับพวกในร้านอาหาร เมื่อออกจากร้าน ผู้ตายออกจากป้อมยามตำรวจตรงมาที่นายสุทินกับพวกขณะห่างจากจำเลยประมาณ 2 วา ผู้ตายทำของตกก้มลงเก็บ ขณะนั้นจำเลยซึ่งมีอาการเมาสุราด้วยน่าจะสำคัญผิดว่าผู้ตายจะทำร้ายตน จึงชักปืนยิงผู้ตายอันเป็นการเข้าใจเหตุการณ์เองโดยไม่มีเหตุสมควร และแม้จะถือว่าการสำคัญผิดเกิดขึ้นด้วยความประมาท การกระทำของจำเลยก็เป็นการเกินสมควรแก่เหตุจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 68, 69 ในข้อหาขัดขวางนายสุทินกับพวกแจ้งความและไม่รับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ฟังว่าผิด แต่มิใช่กระทำเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับผิดจึงเป็นผิดตามมาตรา 157 ไม่ผิดตามมาตรา 200 ในข้อหาสั่งให้พลตำรวจเสนอบันทึกข้อความเท็จ ฟังว่าเท็จ เฉพาะเรื่องราวขณะเกิดเหตุไม่เท็จในเรื่องชัณสูตรพลิกศพ และฟังว่าผิดในข้อหาทำสำนวนสอบสวนเท็จแต่เนื่องจากมิใช่ทำเพื่อให้ผู้อื่นพ้นผิดจึงเป็นผิดตามมาตรา 157 มิใช่มาตรา 200 ส่วนในข้อหาลอบย้ายทำลายศพ กรณีฟังไม่ได้ว่าเป็นการทำเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและไม่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต จึงไม่เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 199 และ 200 ประเด็นข้อสุดท้ายที่จำเลยแก้ฎีกาว่าโจทก์ฎีกาในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้เพราะศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมา ให้ยกฟ้องความผิดฐานนี้เห็นว่าการที่จำเลยยิงผู้ตายจะเป็นผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือโดยประมาท เป็นปัญหากรรมเดียวผิดกฎหมายบทใดบ้าง เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 ปี จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 219พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่านายเสือตายโดยเจตนาโดยการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 68, 69 จำคุก 6 ปีกระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยขัดขวางและไม่รับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษและสั่งให้พลตำรวจเสนอ นิ่มคำ บันทึกลงในสมุดรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันตามฟ้องข้อ (ง) และตามฟ้องข้อ (ฉ)ทำสำนวนการสอบสวนไม่ตรงกับความจริงตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 13 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 68, 69 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามมาตรา 91 จำคุก 6 ปี ริบหัวกระสุนของกลาง ข้อหาของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย

Share