คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดแต่ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดในทางอาญาต่อโจทก์คดีจึงนับอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคสอง ไม่ได้
การที่จำเลยรับด้วยวาจาว่าจะพิจารณาชดใช้ค่าเสียหายให้ไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตามมาตรา 172
จำเลยร้องทุกข์ว่าโจทก์กระทำผิดทางอาญาต่อมาโจทก์ถูกฟ้องจนศาลพิพากษายกฟ้องแล้วนั้นสิทธิของโจทก์ย่อมถูกละเมิดตั้งแต่วันที่จำเลยร้องทุกข์ ไม่ใช่เมื่อศาลยกฟ้อง
เมื่อจำเลยยกข้อต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเป็นหน้าที่ศาลจะต้องปรับบทมาตราเอง จำเลยไม่ต้องยกบทกฎหมายมาโดยแจ้งชัด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นตัวแทนจำหน่ายบุหรี่เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2492 จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์รับบุหรี่ไปแล้วชำระราคาด้วยเช็คปลอม ขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ฐานปลอมหนังสือสำคัญและฉ้อโกง เป็นเหตุให้โจทก์ถูกสอบสวนควบคุมจนถูกฟ้องต่อศาลอาญาในที่สุดศาลอาญายกฟ้อง ทั้งนี้เพราะจำเลยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงความจริงเป็นความทุจริตของเจ้าหน้าที่ของจำเลยเองเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย

จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ ๆ รับว่าได้ทราบการละเมิดเมื่อ 21 ตุลาคม 2492 จำเลยว่าจะพิจารณาชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วยวาจา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว และจำเลยยังมิได้รับสภาพหนี้ตามมาตรา 172 พิพากษาให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามมาตรา 448 วรรคแรกแล้วฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความที่จะพึงเห็นได้ว่าโจทก์หาว่าจำเลยแจ้งความเท็จและทำให้โจทก์เสื่อมเสียอิสสระภาพ เป็นความผิดทางอาญาต่อโจทก์ คดีโจทก์จึงปรับด้วยมาตรา 448 วรรค 2 ไม่ได้ การที่จำเลยรับรองด้วยวาจาว่าจะพิจารณาค่าเสียหายให้โจทก์นั้นไม่เป็นการรับสภาพหนี้ตาม มาตรา 172 ข้อที่โจทก์เถียงว่าความเสียหายของโจทก์เกิดขึ้นหลังจากจำเลยแจ้งความ และมีอยู่ตลอดมาจนศาลยกฟ้องสิทธิเรียกร้องของโจทก์เพิ่งเกิดในตอนนี้นั้น เห็นว่าสิทธิของโจทก์ถูกละเมิดตั้งแต่วันที่จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ หาใช่เพิ่งเกิดเมื่อศาลพิพากษายกฟ้องไม่ ข้อที่โจทก์ว่าจำเลยไม่ได้ยกอายุความ 1 ปี ขึ้นต่อสู้ ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี ขาดอายุความไม่ได้นั้น เห็นว่าจำเลยได้ต่อสู้แล้วว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เป็นหน้าที่ศาลจะต้องปรับบทเอง จำเลยไม่ต้องยกบทกฎหมายมาโดยแจ้งชัดศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share