แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ทั้งสามเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินและให้จำเลยชำระเงินในส่วนที่โจทก์ได้ออกแทนจำเลยเพื่อซื้อที่ดินดังกล่าวซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาในคดีเดิม ถือว่าเป็นการขอให้บังคับตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อคดีนั้นจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย คำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทั้งคำพิพากษานั้นก็มิใช่คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใด ๆอันอาจใช้ยันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ทั้งสามทำนิติกรรมโอนขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 394 (หรือ น.ส.3 ก. เลขที่ 1663) น.ส.3เลขที่ 395 (หรือ น.ส.3 ก.เลขที่ 1864) น.ส.3 เลขที่ 396(หรือ น.ส.3 ก.เลขที่ 1863) น.ส.3 เลขที่ 397 หรือ 367 (หรือน.ส. 3 ก. เลขที่ 1664) ณ สำนักงานที่ดินอำเภอเมืองสงขลา หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 213,125 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2533เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ขายได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยแต่เพียงผู้เดียวมิได้ขายให้โจทก์ทั้งสามด้วย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 656/2533 จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสามและจำเลยในคดีนี้กับให้โจทก์ทั้งสามชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือแต่จำเลยคดีนี้ซึ่งมิใช่คู่ความในคดีนั้นด้วยไม่ยอมลงชื่อร่วมกับโจทก์ทั้งสามเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทและไม่ยอมชำระเงินที่โจทก์ทั้งสามออกแทนไป ปัญหาต้องวินิจฉัยในข้อแรกมีว่า โจทก์ทั้งสามมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ โจทก์ทั้งสามฎีกาว่าโจทก์ทั้งสามอาศัยการชำระเงินตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 มาฟ้องจำเลยเพื่อขอให้ศาลบังคับ หาใช่โจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 656/2533 ของศาลชั้นต้นไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ทั้งสามเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินและให้จำเลยชำระเงินในส่วนที่โจทก์ได้ออกแทนจำเลยเพื่อซื้อที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 656/2533 ของศาลชั้นต้นกรณีถือได้ว่าเป็นการขอให้บังคับตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 656/2533 ของศาลชั้นต้นนั่นเอง เมื่อคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 656/2533 ของศาลชั้นต้น จำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย คำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทั้งคำพิพากษานั้นก็มิใช่คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใด ๆ อันอาจใช้ยันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์ทั้งสามจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยไปลงชื่อร่วมกับโจทก์ทั้งสามเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดิน และให้จำเลยชำระเงินในส่วนที่โจทก์ทั้งสามได้ออกแทนจำเลยเพื่อซื้อที่ดินดังกล่าว และเมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว กรณีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์ทั้งสามอีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน