คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7154/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

++ เรื่อง ละเมิด ประกันภัยค้ำจุน ++
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ร่วมรับผิดในมูลละเมิดของจำเลยที่ 1ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีเพียงว่า ความรับผิดของจำเลยที่ 2ในอันที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 ในเหตุละเมิดคดีนี้เหลือไม่เกิน 360,000 บาท และคดีขาดอายุความ และคดีในส่วนของจำเลยที่ 2ไม่มีประเด็นดังกล่าวมาแต่ต้น แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ไม่ได้ฎีกา ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างมาในฎีกาด้วยว่าพยานเอกสารบางฉบับที่ศาลรับฟังว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อจะเข้าสู่สำนวนโดยมิชอบอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ถือว่าเป็นปัญหาในเรื่องนอกประเด็นตามคำให้การ ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา249 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๓๖ เวลาประมาณ ๒๒.๑๐นาฬิกา จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๙ ฉ – ๒๙๔๘ กรุงเทพมหานครโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังด้วยความเร็วสูง เลี้ยวขวาแซงตัดหน้ารถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๔๗๒๕ ปทุมธานี อย่างกระชั้นชิด เป็นเหตุให้นายสมโภชน์กาญจนานนท์ ผู้ขับรถบรรทุกคันดังกล่าวไม่สามารถหลบหลีกได้ทัน จึงเฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับ รถบรรทุกเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าของโจทก์ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยที่ ๑ ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงคอนกรีตอัดแรงหักชำรุด ๑ ต้น และอุปกรณ์ประกอบระบบสายส่งกระแส ๒ ระบบเสียหาย คิดเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น๓๐๕,๖๕๗ บาท จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจากจำเลยที่ ๑จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน ๓๐๕,๖๕๗ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๙ ฉ – ๒๙๔๘ กรุงเทพมหานคร ไว้จากจำเลยที่ ๑ และจำกัดความรับผิดในความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกไว้ไม่เกินครั้งละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท นอกจากเสาไฟฟ้าของโจทก์จะได้รับความเสียหายแล้ว ยังทำให้บ้านของนางสาวเอื้อมณีศรีมงคลปทุม และรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๐ – ๔๗๒๕ ปทุมธานี ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับบริษัทคุ้มเกล้าประกันภัย จำกัด ได้รับความเสียหายด้วย จำเลยที่ ๒ จ่ายค่าเสียหายให้แก่บริษัทดังกล่าวแล้ว ๑๔๐,๐๐๐ บาท และถูกนางสาวเอื้อมณีฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก๓๒๗,๕๐๐ บาท ความรับผิดของจำเลยที่ ๒ ในอันที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ ๑ ในเหตุละเมิดคดีนี้จึงเหลือไม่เกิน ๓๖๐,๐๐๐ บาท เท่านั้นคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน๒๗๐,๘๓๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ได้รับความเสียหาย อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โดยอ้างว่านางสาววรวัลลภ์จิรัฏฐิติกาล พยานโจทก์เป็นพยานบอกเล่า และโจทก์มิได้นำพนักงานสอบสวนมาสืบประกอบเอกสารหมาย จ.๔ ซึ่งมิใช่เอกสารมหาชน ส่วนเอกสารหมาย จ.๓ จ.๕และ จ.๗ ก็มิใช่พยานเอกสารที่เข้าสู่สำนวนโดยชอบ เพราะศาลมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้ร่วมรับผิดในมูลละเมิดของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาประกันภัยค้ำจุน จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดีเพียงว่าความรับผิดของจำเลยที่ ๒ ในอันที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ ๑ ในเหตุละเมิดคดีนี้เหลือไม่เกิน ๓๖๐,๐๐๐ บาท และคดีขาดอายุความจำเลยที่ ๒ มิได้ยกประเด็นที่ฎีกาดังกล่าวขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การของตน คดีในส่วนของจำเลยที่ ๒ จึงไม่มีประเด็นดังกล่าวมาแต่ต้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ ประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์นั้น เป็นการวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ ๑ เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ฎีกา ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ แม้จำเลยที่ ๒ จะอ้างมาในฎีกาด้วยว่าพยานเอกสารบางฉบับที่ศาลรับฟังว่าจำเลยที่ ๑ ประมาทเลินเล่อจะเข้าสู่สำนวนโดยมิชอบอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ถือว่าเป็นปัญหาในเรื่องนอกประเด็นตามคำให้การฎีกาของจำเลยที่ ๒ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๒๔๙ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ ๒ ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลยที่ ๒.

Share