คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แพ้คดีศาลชั้นต้นโจทก์จึงอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งแต่เพียงว่า’รับอุทธรณ์โจทก์ สำเนาให้จำเลย’ ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ว่าจะให้โจทก์มารับสำเนาไปส่งแก่จำเลยภายในเวลาเท่าใดเมื่อโจทก์มาขอรับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งให้แก่จำเลยหลังจากฟ้องอุทธรณ์แล้วเป็นเวลา 27 วันเช่นนี้ก็ตามก็ยังเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(2) เพราะศาลชั้นต้นยังไม่ได้กำหนดวันให้โจทก์มานำสำเนาอุทธรณ์ส่งให้แก่จำเลยไว้
การส่งหมายเรียกไม่เหมือนกับการส่งสำเนาอุทธรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา174(1) กำหนดระยะเวลา 15 วันไว้ตายตัวว่าโจทก์มีหน้าที่จะต้องส่งหมายเรียกให้จำเลยมาแก้คดีไม่เหมือนมาตรา174(2) ซึ่งให้ศาลเป็นผู้กำหนดเวลาตามสมควร(ฎีกาที่ 798/2498)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิ์และขอให้ห้าม จำเลยอย่างให้เข้ามาเกี่ยวข้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้ที่พิพาทเป็นของจำเลยตามที่จำเลยฟ้องแย้ง ห้ามมิให้โจทก์และบริวารเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไป

นางรุณ ผู้รับมรดกความโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย

เมื่อโจทก์อุทธรณ์แล้วโจทก์มิได้จัดนำเจ้าพนักงานของศาลไปส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ โจทก์ได้เพิกเฉยเสียเป็นเวลา 27 วันนับแต่วันฟ้องอุทธรณ์นับได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174 ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรให้จำหน่ายคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(1)

เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนามาให้ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีแล้วโจทก์จึงมาร้องให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์เสีย ฯลฯ

โจทก์ฎีกา ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำสั่งของศาลอุทธรณ์เสียและสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้จำเลยต่อไปอ้างว่าโจทก์มิได้ลงนามทราบคำสั่งของศาลชั้นต้น และอีกประการหนึ่งศาลชั้นต้นมิได้ส่งคำสั่งนั้นให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งแต่เพียงว่า”รับอุทธรณ์โจทก์สำเนาให้จำเลย” เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ้ง มาตรา 70, 246 เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70, 246 เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้กำหนด ไว้ว่า ผู้อุทธรณ์จะต้องนำสำเนาอุทธรณ์ส่งให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในกี่วัน เมื่อศาลได้กำหนดเวลาและผู้อุทธรณ์ทราบแล้ว มิได้มานำเจ้าพนักงานไปได้ภายในระยะเวลาดังกล่าวคดีจึงจะเข้าตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

เมื่อศาลไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ว่าจะให้โจทก์มารับสำเนาไปส่งให้แก่จำเลยภายในเวลาเท่าใดและเมื่อโจทก์มาขอรับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งให้แก่จำเลยหลังจากฟ้องอุทธรณ์แล้วเป็นเวลา 27 วัน นับว่าไม่นานเกินสมควรตามนัยฎีกาที่ 798/2498 ระหว่างนายเล็ก รอดประสิทธิกับพวก โจทก์ นายเล็ก บางแค กับพวก จำเลย

การส่งสำเนาอุทธรณ์ไม่เหมือนการส่งหมายเรียกของศาลชั้นต้นซึ่ง มาตรา 174(1) กำหนดไว้ว่า เมื่อเสนอคำฟ้องแล้วโจทก์จะต้องส่งหมายเรียกให้จำเลยมาแก้คดีภายใน 15 วัน นับแต่วันยื่นคำฟ้อง อนุมาตรา 1 นี้กำหนดระยะเวลา 15 วันไว้ตายตัวว่าโจทก์มีหน้าที่จะต้องส่งหมายเรียกให้จำเลยมาแก้คดี ไม่เหมือนอนุมาตรา 2 ซึ่งให้ศาลเป็นผู้กำหนดระยะเวลาตามสมควร กล่าวคือการส่งหมายเรียกไม่เหมือนกับการส่งสำเนาอุทธรณ์

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายใน 10 วัน แล้วให้ศาลชั้นต้นจัดการต่อไปตามกระบวนพิจารณา

Share