แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งที่ฟ้องมาพร้อมกัน ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโจทก์จำเลยในคดีอาญาดังกล่าว แต่โจทก์มิได้ระบุหมายเลขคดีไว้เนื่องจากโจทก์ยังไม่ทราบหมายเลขคดีจนกว่าโจทก์จะได้ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้น จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาในวันอื่น ข้อเท็จจริงที่ได้จากรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติซึ่งศาลชั้นต้นให้คู่ความทราบแล้วคู่ความไม่ติดใจคัดค้านปรากฏว่าจำเลยถูกดำเนินคดีในความผิดตามคดีอาญาของศาลชั้นต้น เท่ากับจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงใน ข้อที่ว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ และถือได้ว่าศาลชั้นต้นทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยถูกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งตามคำฟ้องของโจทก์แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีนี้ภายหลังจากที่มี คำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มาตรา 25 พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 64 เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลา 8 ปี และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าวข้างต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มาตรา 25 พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาตำบล (ที่ถูก พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล) พ.ศ. 2482 มาตรา 64 จำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนดเวลา 8 ปี นับโทษจำเลย ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1021/2543 หมายเลขแดงที่ 1130/2543 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ. 2482 มาตรา 64 ประกอบ พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2542 มาตรา 25 ไม่นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1021/2543 หมายเลขแดงที่ 1130/2543 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาของศาลชั้นต้นอีกคดีหนึ่งนั้น เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาอีกคดีหนึ่งที่ฟ้องมาพร้อมกัน ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาดังกล่าว เพียงแต่โจทก์มิได้ระบุหมายเลขคดีไว้เท่านั้น เนื่องจากโจทก์ยังไม่ทราบหมายเลขคดีจนกว่าโจทก์จะได้ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์จึงไม่อาจระบุหมายเลขคดีไว้ในคำฟ้องคดีนี้ได้ แต่โจทก์สามารถแถลงให้ศาลทราบได้ในภายหลังก่อนศาลมีคำพิพากษา ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้ มีคำพิพากษาในคดีทั้งสองเรื่องในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องแต่ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันอื่นเนื่องจากได้สั่งให้พนักงาน คุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา และข้อเท็จจริงที่ได้จากรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติซึ่งศาลชั้นต้นให้คู่ความทราบแล้ว คู่ความไม่ติดใจคัดค้านปรากฏว่า จำเลยถูกดำเนินคดีใน ความผิดต่อ พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1021/2543 ของศาลชั้นต้น เท่ากับจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงในข้อที่ว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อตามรายงาน ดังกล่าว และถือได้ว่าศาลชั้นต้นทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยถูกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งตามคำฟ้องของโจทก์แล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีนี้ภายหลังจากที่มีคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมนับโทษจำเลยต่อ จากโทษในอีกคดีหนึ่งนั้นได้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 2 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนตาม ป.อ. มาตรา 23 และนับโทษกักขังของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษกักขังของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1130/2543 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.