แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมโดยอ้างว่าพินัยกรรมปลอม เป็นการฟ้องเรียกให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมกลับคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2539 และขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอมไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย กับให้ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกของนางสาววัชรีผู้ตายให้แก่ทายาทตามกฎหมาย จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ 200 บาท อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์มรดกถือเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ จึงให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มภายใน 15 วัน
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ในชั้นอุทธรณ์มีประเด็นเพียงว่า พินัยกรรมปลอมหรือไม่ หากฟังว่าพินัยกรรมปลอมก็ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายซึ่งเป็นประเด็นหลัก ส่วนทรัพย์มรดกของนางสาววัชรีผู้ตายย่อมตกแก่ทายาทโดยธรรมทุกๆ คนไม่ใช่เฉพาะโจทก์คนเดียว จึงถือได้ว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรม โดยอ้างว่าพินัยกรรมฉบับดังกล่าวปลอมไม่มีผลบังคับตามกฎหมายนั้น เป็นการฟ้องเรียกให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมกลับคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม หาใช่คดีไม่มีทุนทรัพย์ดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ