แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสองบัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิตส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น เป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด จำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่.
ย่อยาว
่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ น้ำหนัก ๔๔.๓๕๖ กรัม ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ หนัก ๑.๕๕๐ กรัม ไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๕, ๒๖, ๖๖, ๖๗, ๗๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๙๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองแต่ปฏิเสธในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕, ๒๖, ๖๖, ๗๖ ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่รับอนุญาต จำคุก ๓๐ ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒๒ ปี ๖ เดือน ลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต จำคุก ๔ เดือน และปรับ ๖๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ เดือนปรับ ๓๐๐ บาท เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ รวมจำคุก ๒๒ ปี ๘ เดือน ปรับ ๓๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน โดยนับโทษต่อจากโทษจำคุก ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง บัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิต ส่งออก หรือมีไว้เพื่อจำหน่าย บทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักถึง ๔๔.๓๕๖ กรัม ไว้ในครอบครองเช่นนี้ จึงถือได้ว่า จำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำเลยจะนำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่จำเลยจึงต้องมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.