คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7101/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ระบุว่าจำเลยที่ 1 เคยถูกศาลพิพากษาปรับฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบเมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำผิดคดีนี้ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบซ้ำอีก ขอให้ศาลวางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ (2) บันทึกดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพโดยไม่ได้โต้แย้งประการใด ก็ ถือว่าจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ รวมทั้งข้อเท็จจริงที่เคยต้องโทษด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2536 เวลากลางวันจำเลยทั้งสามร่วมกันเล่นการพนันไพ่ผสมสิบ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้เข้าเล่นเหตุเกิดที่ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัยมีผู้นำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 6, 10, 12, 14 ทวิ(2) 15 ริบ ของกลาง และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และไม่ค้านเรื่องสินบนนำจับ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 12 จำเลยทั้งสามให้การับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ปรับคนละ 400 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลางกับให้จำเลยทั้งสามจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของเงินค่าปรับ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ด้วย
ศาลอุทธรณ์ภาย 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ได้ระบุไว้ว่า ก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 81/2536 ของศาลชั้นต้นเคยถูกศาลพิพากษาปรับ 400 บาท ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่รับอนุญาตพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำความผิดคดีนี้ฐานเล่นการพนันไพ่ผสมสิบซ้ำอีก ซึ่งความผิดในคดีครั้งหลังนี้ กฎหมายกำหนดอัตราโทษจำคุก หรือปรับ จึงขอให้ศาลวางโทษจำเลยที่ 1 ทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 14 ทวิ(2) ด้วย เห็นว่า บันทึกดังกล่าวของโจทก์เป็นหลักฐานแห่งคำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์ด้วยส่วนหนึ่ง เพราะเมื่อศาลชั้นต้นบันทึกคำฟ้อง คำให้การ และคำพิพากษาของศาลก็ได้กล่าวถึงบันทึกของโจทก์ในตอนที่เกี่ยวกับรายชื่อจำเลยและของกลางว่า ปรากฎตามบันทึก ฟ้องด้วยวาจาของโจทก์เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพโดย ไม่ได้โต้แย้งประการใดก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามฟ้องทุกประการรวมทั้งข้อเท็จจริงที่เคยต้องโทษตาม ดังนี้ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 สถานเดียวจึงไม่ชอบ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 2 เดือนและปรับ 800 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 400 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share