คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พรึติการน์ที่ถือว่าคู่สัญญาสนองรับการบอกเลิกสัญญาของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว
ฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญา อีกฝ่ายหนึ่งก็ยอมเลิกสัญญาโดยมิได้สงวนสิทธิเรียกค่าเสียหายหย่างไดต่อกันดังนี้ จะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้.

ย่อยาว

โจทฟ้องเรียกราคายางที่ขายไห้แก่จำเลย ข้อเท็ดจิงได้ความว่าโจททำสัญญาขายยางไห้จำเลยโดยมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะชำระราคาต่อเมื่อโจทส่งยางถึงสิงคโปร์ แต่เกิดสงครามขึ้น รัถบาลไทยสั่งไม่ไห้เรือออกจากท่ากรุงเทพฯ เรือบันทุกยางรายพิพาทจึงไปไม่ได้ จำเลยเสนอต่อโจทด้วยวาจาบอกเลิกสัญญาโดยอ้างเหตุสุดวิสัย โจทก็เอกยางคืนไปโดยไม่ได้บอกจำเลยว่าตนสงวนสิทธิเรียกค่าเสียหายหย่างไร
สาลชั้นต้นเห็นว่าตามสัญญาไม่พอฟังว่าเปนการขายโดยมีเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว แม้มีเหตุสุดวิสัยจำเลยก็ต้องชำระราคายาง และเห็นว่าโจทจำเลยไม่ได้เลิกสัญญากัน จึงพิพากสาไห้จำเลยไช้เงินค่ายาง
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์มีความเห็นเช่นเดียวกับสาลชั้นต้น แต่แก้จำนวนเงินค่ายางที่จะต้องไช้โจทน้อยลง
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามพรึติการน์ดังกล่าวแล้ว เห็นได้ว่าโจทรับคืนยางไปเปนการสนองรับเลิกสัญญาเพราะเหตุสุดวิสัยตามข้อเสนอของจำเลย เพราะหากโจทจะถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก็มิได้สแดงสงวนสิทธิเรียกค่าเสียหายหย่างไร อนึ่งคดีฟังได้ว่าสัญญาซื้อขายยางได้เลิกกันแล้ว โจทจะอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาและไห้รับผิดนั้นหาได้ไม่ จึงพิพากสากลับไห้ยกฟ้อง

Share