คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทฟ้องขับไล่ผู้เช่าและบริวาร ศาลพิพากษาให้ผู้เช่ารื้อโรงเรือนออกจากที่พิพาท ชั้นบังคับคดีบริวารไม่ยอมออก โจทก์ขหใ้หศาลเรียกบริวารมาบังคับจำเลยในคีดนี้ได้ร้องคัดค้านแทนสามี (ซึ่งโจทก์ในคดีนั้นอ้างว่าเป็นบริวาร) ว่าใช่บริวาร แล้วต่อมาจำเลยในคดีนี้ก็ได้ถอนคำร้องไปศาลคงพิจารณาไต่สวนพยานไปในชั้นบังคับคดีเฉพาะข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับบริวารคนอื่น ๆ เท่านั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นบังคับคดีในคดีก่อนจึงไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้แต่อย่างไร โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้โดยอ้างเหตุว่าเป็นบริวารได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่พิพาท นายชลอเป็นผู้เช่า ต่อมานายชลอผิดสัญญาโดยนำไปให้เช่าช่วง โจทก์จึงฟ้องขับไล่ ศาลพิพากษาให้นายชลอรื้อโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง คดีถึงที่สุดแล้วตามสำนวนคดีแดงที่ ๑๑๕/๒๔๙๔ นายชลอไม่สามารถรื้อถอนโรงเรือนและสิ่งปลุกสร้างได้เพราะจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ศาลห้ามไม่ให้จำเลยและบริวารเข้าใช้สิทธิ ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่าคดีนั้นศาลพิพากษาว่าจำเลยและผู้เช่ารายอื่น ๆ ไม่ใช่บริวารของนายชลอ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจึงเป็นการฟ้องซ้ำ และต่อสู้อื่น ๆ อีกหลายประการ
ศาลแพ่งเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนเป็นเรื่องจำเลยคัดค้านว่าตนไม่ใช่บริวารของนายชลอ เป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ พิพากษาห้ามมิให้ใช้สิทธิและอำนาจครอบครองเรือนพิพาท ฯลฯ และศาลอุทธรณ์คงพิพากษาแก้แต่เฉพาะค่าเสียหาย นอกจากที่แก้นี้คงยืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าคดีแพ่งแดงที่ ๑๑๕/++ นั้นเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องนายชลอซึ่งศาลพิพากษาให้นายชลอรื้อโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ ในชั้นบังคับคดีนายชลอไม่สามารถจะทำตามบังคับได้เพราะนายชูการา นายอุย นายจำนงค์ และนายชลาศิลป์จำเลยไม่ยอมออกจากโรงเรือนซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์ ๆ จึงขอให้เรียกคนเห่านั้นมาบังคับให้ออกในฐานเป็นบริวารของนายชลอ แต่นายชลาศิลปมิได้มาศาลมีแต่นางเพลินจำเลยมาศาล แถลงว่านายชลาศิลปจำเลยป่วยสติไม่ดี ที่สุดนางเพลินได้ยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาโต้เถียงโจทก์ว่าไม่ใช่บริวารนายชลอ แต่ต่อมาได้ถอนคำคัดค้านไปแล้ว ศาลคงพิจารณาไต่สวนพยานไปในชั้นบังคับคดีเฉพาะข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับนายชูการา นายอุย นายจำนงค์ เท่านั้น
คำสั่งของศาลชั้นบังคับคดีในคดีก่อนจึงไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้แต่อย่างไร โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ พิพากษายืน.

Share