คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7062/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของผู้ร้องที่อ้างว่ามีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับการเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์เดิมของบริษัท พ. และมีผลให้บริษัทดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 ได้ กับมีคำขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 มีผลเท่ากับเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเดียวกันที่ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และคดีถึงที่สุดแล้ว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคห้า จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีที่ไว้วินิจฉัยไว้แล้วนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ปัญหาที่ว่าคำร้องของจำเลยที่ 3 เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246, 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 290,000 บาท ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าเช่าที่ค้างและค่าขาดประโยชน์ 178,213.08 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 10,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบทรัพย์ที่เช่าคืนหรือใช้ราคาแทนแต่ไม่เกิน 19 เดือน กับค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 99913 ตำบลปากเกร็ด (สีกัน) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มีชื่อของนายสุรนาท บุตรจำเลยที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดและงดการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 3 วางเงินจำนวน 100,000 บาท เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยครบถ้วน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 3 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งศาลที่ยกคำร้องเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคห้า จึงไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง
วันที่ 28 มกราคม 2556 จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาใหม่ และมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องที่อ้างว่า มีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับการเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์เดิมของบริษัทพรีเมียร์ แอลเอ็มเอส จำกัด และมีผลให้บริษัทดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 3 ได้ กับมีคำขอให้ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาใหม่และมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 มีผลเท่ากับเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเดียวกันที่ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และคดีถึงที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคห้า จึงห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ปัญหาที่ว่าคำร้องของจำเลยที่ 3 เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246, 247 ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาต้องตามกันมาให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 3 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 3
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share