คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด พนักงานสอบสวนคงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้น ข้อเท็จจริงอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยก็อาศัยจากคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลย ดังนั้น การที่จำเลยให้การรับสารภาพตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุม สอบสวน จนถึงชั้นพิจารณาของศาล จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหรือของโจทก์ คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาล ถือได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุอันควรปรานี ชอบที่ศาลจะลดโทษให้แก่จำเลยได้
โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 มาด้วยเมื่อศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา 54 ให้ศาลเพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยสถานเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวิมล ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย โดยจำเลยทั้งสองผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นการโทรมหญิงจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยทั้งสอง โดยเด็กหญิงวิมลอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และไม่ยินยอม จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายอุดปากจมูกและรัดคอเด็กหญิงวิมลโดยเจตนาฆ่า เด็กหญิงวิมลถึงแก่ความตายในขณะเกิดเหตุ ก่อนคดีนี้จำเลยที่ ๒ ซึ่งมีอายุเกินกว่า ๑๗ ปี แล้วเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก ๒ ปี ฐานลักทรัพย์ มากระทำผิดคดีนี้อีกภายในเวลา ๕ ปีนับแต่วันพ้นโทษ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๗, ๒๗๗ ทวิ, ๒๗๗ ตรี, ๒๗๙, ๒๘๐, ๒๘๘, ๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ฯ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๓ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๙๒ ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๗ ตรี (๒), ๒๘๘ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ฯ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๓ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา ๒๗๗ ตรี (๒) อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐ ให้วางโทษประหารชีวิต คำขอของโจทก์ที่ให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ นั้น ศาลได้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ ๒ แล้ว จึงเพิ่มโทษไม่ได้ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ศาลฎีกาปรานีลดโทษแก่จำเลยทั้งสอง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะมีเด็กชายวิรัตน์พี่ชายของเด็กหญิงวิมลผู้ตายเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้นำตัวผู้ตายไปในคืนเกิดเหตุ เช้าวันรุ่งขึ้นพบศพผู้ตายมีร่องรอยถูกข่มขืนกระทำชำเรา เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจทำการสืบสวนจับกุมตัวจำเลยทั้งสองมาสอบสวนดำเนินคดีนี้ได้ในเวลาต่อมาก็ตามแต่ในขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นยืนยันว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายร่วมกันกระทำผิด เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจทำการสืบสวนจับกุมจำเลยได้ จำเลยทั้งสองก็ได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ พร้อมทั้งนำเจ้าพนักงานตำรวจไปชี้สถานที่เกิดเหตุ ทำบันทึกการนำชี้ และถ่ายภาพประกอบไว้เป็นหลักฐาน ข้อเท็จจริงอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองจึงอาศัยจากคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองนั่นเอง สำหรับพยานหลักฐานของโจทก์ที่เจ้าพนักงานตำรวจทำการสืบสวนได้ความนอกเหนือไปจากคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสอง เช่น การตรวจพบร่องรอยเล็บขูดข่วนที่ร่างกายของจำเลยทั้งสองโจทก์ก็ไม่อาจนำสืบพิสูจน์ยืนยันได้ว่าร่องรอยบาดแผลเกิดขึ้นแก่จำเลยเมื่อใด และผู้ตายเป็นผู้ใช้เล็บขูดข่วนก่อนถูกฆ่าตายหรือไม่ คราบโลหิตที่ตรวจพบจากของกลางที่ยึดมาได้จากบ้านจำเลยแม้จะเป็นโลหิตหมู่เดียวกับโลหิตของผู้ตาย ก็ยังไม่แน่ชัดว่าคราบโลหิตดังกล่าวเป็นโลหิตของผู้ตายหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้ในขณะเกิดเหตุกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็น โดยเจ้าพนักงานผู้สืบสวนคดีคงมีพยานหลักฐานซึ่งเป็นพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้น ฉะนั้น การที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจตลอดมาตั้งแต่ชั้นจับกุมสอบสวนจนถึงชั้นพิจารณาของศาล จึงยังฟังไม่ได้ว่าได้ให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานหรือของโจทก์ ด้วยเหตุนี้คำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน และเป็นการให้ความรู้อำนวยประโยชน์แก่ศาลได้นำมาวินิจฉัยประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ในชั้นพิจารณาให้รับฟังได้แน่ชัดโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าวหาจริงคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองจึงถือได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ มีเหตุอันควรปรานีชอบที่ศาลจะลดโทษให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ และสำหรับจำเลยที่ ๒ ซึ่งโจทก์ขอให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๙๒ มาด้วยนั้น เนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย และตามมาตรา ๕๔ ให้ศาลเพิ่มโทษก่อนแล้วจึงลดโทษจากผลที่เพิ่มแล้วนั้น เมื่อศาลเพิ่มโทษจำเลยมิได้เพราะเป็นโทษประหารชีวิต จึงคงลดโทษให้จำเลยที่ ๒ สถานเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษประหารชีวิตแก่จำเลยทั้งสอง ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ (๑) เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share