แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำร้องให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมคดีอนาถาซึ่งไม่มีเหตุที่จะชนะคดีศาลไม่ต้องไต่สวนก็ได้ การอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำขอต้องร้องต่อศาลอุทธรณ์ใน 7 วัน ถ้ายื่นคำร้องเกิน 7 วัน ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ฎีกาได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน
ย่อยาว
กรณีนี้สืบเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ 19868 แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ดินที่จำเลยจำนองไว้เป็นประกันหนี้รายนี้เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินแปลงที่ยึดพร้อมทั้งบ้านเลขที่ 3/20 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดิน จำเลยได้ขายให้ผู้ร้องในราคา 600,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปชำระหนี้โจทก์ จำเลยรับเงินไปทั้งหมดแล้วตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องภายใน 1 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ปรากฏตามสำเนาสัญญาจะซื้อขายท้ายคำร้อง แต่จำเลยยังไม่ไปทำความตกลงกับโจทก์ โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาด หากมีการขายผู้ร้องก็ไม่มีโอกาสรับโอนกรรมสิทธิ์ จึงขอให้ศาลไต่สวนคำร้อง และงดการขายทอดตลาด เพื่อบังคับให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ยึดให้ผู้ร้อง โดยผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลแพ่งมีคำสั่งในคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเมื่อวันที่ 22มิถุนายน 2521 ว่า “ศาลได้พิเคราะห์คำฟ้องที่ยื่นพร้อมคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว เห็นว่า โจทก์อ้างสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายมาร้องขัดทรัพย์ จึงไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ยกคำร้อง หากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน 7 วัน”ครบกำหนดแล้วผู้ร้องไม่นำค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งในคำร้องขัดทรัพย์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2521 ว่า “ผู้ร้องไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาเสียภายในเวลาที่ศาลกำหนดจึงถือว่าทิ้งคำร้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ” ผู้ร้องอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2521 ว่า ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง และมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง โดยไม่ไต่สวนเสียก่อนเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155
ศาลแพ่งสั่งอุทธรณ์ดังกล่าวว่า “อุทธรณ์นี้ผู้ร้องไม่ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลสั่งยกคำร้อง ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จึงไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง”
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่า เป็นกรณีที่ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 ว่าศาลมิได้ไต่สวนคำร้อง แต่มีคำสั่งเสียก่อน ผู้ร้องจึงชอบที่จะอุทธรณ์ได้ภายใน1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ขอศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า “เป็นกรณีขอยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ถูกยึดอย่างคนอนาถา เมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างไม่มีมูลที่จะร้องขอก็ชอบที่จะยกคำขอได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าผู้ขอเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่อีก การอุทธรณ์คำสั่งนี้ต้องยื่นอุทธรณ์ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย แต่ผู้ร้องอุทธรณ์ล่วงพ้นกำหนดเจ็ดวันแล้ว จึงต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง” (ไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม)
ผู้ร้องฎีกาว่าศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องเสียก่อน จะสั่งยกคำร้องที่เดียวไม่ได้ และเมื่อยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนเช่นนี้ ผู้ร้องย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 228 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปัญหาว่าศาลชั้นต้นจำเป็นต้องไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาเสียก่อนที่จะสั่งยกคำร้องนี้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา 155 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง บัญญัติว่า “ถ้าคู่ความคนใดอ้างว่าเป็นคนยากจนไม่สามารถเสียค่าธรรมเนียมศาล ฯลฯ เมื่อศาลได้ไต่สวนเป็นที่เชื่อได้ว่า คู่ความนั้นเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียม ก็ให้ศาลอนุญาตให้คู่ความนั้นฟ้อ หรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาได้ แต่การขอเช่นว่านี้ถ้าผู้ขอเป็นโจทก์ ผู้ขอจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่าคดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้อง ฯลฯ” ในกรณีของผู้ร้องได้ดำเนินคดีด้วยคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดโดยอ้างสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำไว้กับจำเลย ซึ่งผู้ร้องมีฐานะเป็นโจทก์ในคดีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั่นเอง ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ร้องต้องแสดงให้เป็นที่พอใจศาลด้วยว่า คดีของตนมีมูลที่จะฟ้องร้อง แต่ตามคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว ผู้ร้องมิได้กล่าวอ้างว่าตนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึด เพียงกล่าวอ้างว่าตนมีสิทธิตามสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น ทรัพย์ดังกล่าวจึงยังเป็นของจำเลยอยู่เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิในทรัพย์ที่ถูกยึด คดีของผู้ร้องจึงไม่มีมูลที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ เหตุนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาว่า ผู้ร้องยากจน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมจริงหรือไม่ เพราะถึงแม้หากจะไต่สวนไปและฟังได้ว่าจำเลยยากจนจริง เมื่อคดีของผู้ร้องไม่มีมูลแล้ว ศาลก็ไม่อาจสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยมิได้ไต่สวน จึงชอบแล้ว
ปัญหาต่อไปตามข้อฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิจะอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดระยะเวลาเท่าใด ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องมีสิทธิจะอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนตามมาตรา 229 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในปัญหานี้เห็นว่าผู้ร้องปรับบทกฎหมายยังไม่ถูกต้อง เพราะการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขอฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาเช่นนี้ ต้องอุทธรณ์ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ตามมาตรา 156 วรรคท้าย แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีนี้ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน2521 ผู้ร้องมายื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2521 เกินกำหนด 7 วันแล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ จึงชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ