คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีนั้น ต้องยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องคำให้การ หรือในเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลเมื่อศาลเป็นที่พอใจว่า คำร้องไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมเมื่อจำเลยให้การแล้วถึง 4 เดือน โดยไม่แสดงเหตุที่ไม่อาจ ร้องก่อนได้ ศาลจึงไม่อาจจัดการให้ตามคำร้องนั้น

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์โดยเจตนาฆ่า โจทก์บาดเจ็บและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลย ทางอาญาแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้
จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้ง
ก่อนเริ่มสืบพยาน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นพยานร่วม
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องจำเลยว่า ในคดีอาญา จำเลยถูกฟ้องและมีโทษแต่ผู้เดียว ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๓) บัญญัติความว่า การที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีนั้น ให้เรียกด้วยวิธียื่นคำร้องเพื่อให้หมายเรียกพร้อมกับคำฟ้องหรือคำให้การ หรือในเวลาใด ๆ ต่อมาก่อนมีคำพิพากษาโดยได้รับอนุญาตจากศาลเมื่อศาลเป็นที่พอใจว่าคำร้องไม่อาจยื่นก่อนนั้นได้ แต่คดีนี้จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องขอให้เรียกนายแจ่มจรัส และนายวิรัช เข้าเป็นจำเลยร่ว เมื่อจำเลยให้การฟ้องแย้งแล้วนายถึง ๔ เดือนเศษ และภายหลัง ศาลชี้สองสถานกำหนดให้สืบพยานกันในประเด็นว่า โจทก์เสียหายเท่าใด เพียงข้อเดียวถึง ๒๐ กว่าวัน การยื่นคำร้องนี้ แม้จำเลยกระทำก่อนมีคำพิพากษาก็ดี แต่ในกรณีเช่นนี้ จำเลยต้องแสดงให้ศาลเป็นที่พอใจด้วยว่า เหตุใดจึงไม่อาจร้องเสียก่อนนั้นได้และศาลพอใจอนุญาตแล้วจึงถือเป็นคำร้องรับไว้พิจารณาได้ เมื่อการดำเนินการยื่นคำร้องของจำเลยขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วมไม่ถูกต้อง จึงจัดการให้ตามจำเลยขอหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share