แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทจำเลยหยู่กินกันฉันผัวเมียโดยมิได้จดทเบียนสมรสพายหลังได้ทำสัญญาแบ่งทรัพย์กัน จักรเย็บผ้าเปนส่วนของโจท แต่ยังคงหยู่หินด้วยกันเช่นเดิม จำเลยได้เอาจักรอันนั้นซึ่งได้ไห้ผู้อื่นเช่าไว้แต่เมื่อก่อนแบ่งทรัพย์กัน ไปขายแล้วเอาเงินค่าขายจักรได้ไปไช้ส่วนตัวเสียโดยไม่ส่งไห้โจทดังนี้ จำเลยยังไม่มีผิดถานยักยอกทรัพย์ โดยถือไม่ได้ว่าโจทได้มอบการครอบครองจักรเย็บผ้าดังนั้นไห้จำเลย
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าจำเลยเปนผู้จัดการทรัพย์ของโจทไนการค้าขาย โจทได้มอบจักรเย็บผ้า ๑ คันไห้จำเลยจัดการไห้นายลกเช่า ต่อมาวันไดจำไม่ได้จำเลยคิดทุจริตได้เอาจักรเย็บผ้านั้นไปขายไห้แก่นายสมชาย เอาเงินไช้เปนประโยชน์เสีย ขอไห้ลงโทส
ได้ความว่าโจทจำเลยแต่งงานกันตามประเพณีโดยมิได้จดทเบียนสมรส หยู่ร่วมกันทำการค้าขายตลอดมาจนเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๔๘๖ โจทฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากจำเลย ๆ ได้ทำสัญญาแบ่งทรัพย์ไห้โจทตามหนังสือสัญญาจักรเย็บผ้าคันที่โจทฟ้องนี้รวมหยู่ไนจำนวนที่แบ่งไห้ด้วยตั้งแต่ทำสัญญากันแล้ว โจทจำเลยคงหยู่กินร่วมกันและทำการค้าขายเช่นเดิมอีกโดยมิได้จดทเบียนสมรส ขนะนั้นจักรเย็บผ้าคันนี้จำเลยได้ไห้นายลกเช่าหยู่ ต่อมาจำเลยได้นำจักรคันนั้นไปขายไห้แก่นายสมชาย จำเลยได้รับชำระราคาบางส่วนแล้วเอาไปไช้เสียเองไม่ส่งไห้โจท ๆ ไม่พอไจและฟ้องคดีนี้ขึ้น
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์เห็นว่า โจทไม่ได้มอบหมายจักรไห้จำเลย จักรยังคงหยู่กับนายลกผู้เช่าก่อนแต่โจทจำเลยตกลงแบ่งทรัพย์กันเรื่อยมาจนจำเลยเอาไปขายและจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พิพากสายกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาเห็ฯว่านายลกเปนผู้ครอบครองจักรเย็บผ้าคันนี้หยู่ตลอดมา จะถือว่าโจทมอบการครอบครองไห้แก่จำเลยไม่ได้ คดีไม่มีมูลความผิดถานยักยอกทรัพย์ตามฟ้อง พิพากสายืนตามสาลอุธรน์