คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7048/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ซึ่งค่าธรรมเนียมโจทก์ในคดีเป็นเงิน32,227.50 บาท เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมจำนวนดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์เพียง 10,000 บาท ศาลชั้นต้นสั่งในอุทธรณ์จำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่ขาดอีก 22,247.50บาท มาวางภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลย จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 โดยจำเลยก็มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลด้วย แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมิใช่เนื้อหาของอุทธรณ์ แต่ก็เป็นการยื่นอุทธรณ์ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้วจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน180,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาทจำเลยอุทธรณ์ โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนบางส่วนเป็นเงิน10,000 บาท ศาลชั้นต้นให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด จำเลยไม่ปฏิบัติ ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนดไม่รับอุทธรณ์ คืนเงินค่าขึ้นศาลทั้งหมด และเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ให้จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อนภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ขอให้รับอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาจำเลยว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น โดยจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้ครบถ้วนและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้น เป็นอุทธรณ์คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้วคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้5,000 บาท ซึ่งปรากฏตามบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมหน้าสำนวนเป็นค่าธรรมเนียมโจทก์ในคดีเป็นเงิน 32,227.50 บาท เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมจำนวนดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แต่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยวางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์เพียง 10,000 บาท ตามรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2535 ศาลชั้นต้นสั่งในอุทธรณ์จำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่ขาดอีก 22,247.50 บาท มาวางภายใน15 วัน นับแต่วันที่ยื่นอุทธรณ์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์จำเลย ซึ่งจำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 โดยจำเลยก็มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วย แม้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งมิใช่เนื้อหาของอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นการยื่นอุทธรณ์ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้วและเมื่อมีการอุทธรณ์ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไป อาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 สำหรับในกรณีนี้ด้วย
พิพากษายืน

Share