แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำร้ายแค่ไหนจะถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามมาตรา 295 แห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่นั้นจำต้องพิจารณาถึงการกระทำของจำเลยและบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับประกอบกัน
จำเลยเพียงแต่ใช้เท้าเตะและใช้มือตบผู้เสียหาย มิได้ใช้อาวุธทำร้าย ผู้เสียหายได้รับบาดแผลเพียงฟกช้ำเท่านั้น และรักษาเพียง 5 วันก็หาย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นอันตรายแกกายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295คงเป็นผิดตามมาตรา 391 เท่านั้น.
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องขอให้ลงโทษโจกย์จำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง
ศาลขั้นต้นพิพากษาว่า การที่จำเลยใช้มือตบและเท้าเตะผู้เสียหายเป็ฯรอยฟกช้ำที่ข้อมือซ้าย ๑ แห่ง กว้าง ๓ เซ็นติเมตรยาว ๔ เซ็นติเมตร รักษาประมาณ ๕ วันหายนั้น ยังไม่เป็นผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑ ให้ปรับจำเลย ๔๐๐ บาท จำเลยให้การับสารภาพโดยดีปราณีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงปรับ ๒๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙,๓๐
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การทำให้เกิดอันตรายแก่การหรือจิตใจตามมาตรา๒๙ประมวลกฎหมายอาญา นั้น จำต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำและบาดแผลที่ผู้ถูกทำร้ายได้รับ ว่าการกระทำรุนแรงถึงขนาดหรือไม่ และบาดแผลที่ผู้ถูกทกร้อยได้รับมากน้อยเพียงไร ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า จำเลยเพียงแต่ใช้เท้าเตะและใช้มือตบนางคร้าม มิได้ใช้อาวุธทำร้าย นางคร้ามได้รับบาดแผลเพียงฟกช้ำเท่านั้น และรักษาเพียง ๕ วันก็หาย การกระทำของจำเลยไม่รุนแรงถึงขนาด ยังถือไม่ได้ว่าเป็ฯอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕ คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๖/๒๕๐๓ ที่โจทก์อ้างมาไม่ตรงกับรูปคดีนี้ จึงพิพากษายืน.