คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 703/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน ๆ เห็นว่ามีความผิดฐานยักยอก+ใบมอบอำนาจให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อและสอบสวนในความผิดฐานยักยอก+เรื่องให้อัยยการ ๆ +เป็นเรื่องฉ้อโกง ก็ +ขอให้ลงโทษจำเลย+ฉ้อโกงได้

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่าผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน เมื่อเจ้าพนักงานได้รับแจ้งเหตุแล้วเห็นเป็นเรื่องยักยอกก็ทำใบมอบอำนาจให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อและดำเนินการสอบสวนไปในทางยักยอก แต่เมื่อเรื่องถึงอัยยการ ๆ เห็นเป็นคดีฉ้อโกงจึงให้สอบสวนเพิ่มเติมไปในทางความผิดฐานฉ้อโกง แล้วโจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าอัยยการไม่มีอำนาจนำคดีขึ้นฟ้องฐานฉ้อโกง ในกรณีที่ผู้เสียหายร้องทุกข์ แต่ในความผิดฐานยักยอก มิได้ร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง ในที่สุดพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการร้องทุกข์ไม่จำต้องให้ผู้เสียหายระบุฐานความผิดเพียงแต่ผู้เสียหายนำความไปแจ้งในทางอรรถคดีก็ถือได้แล้วว่ามีการร้องทุกข์ในเรื่องนั้น ใบมอบอำนาจเป็นเพียงบันทึกและวิธีการของเจ้าพนักงานผู้รับแจ้งเหตุ คดีนี้ จำเลยได้ใช้อุบายฉ้อโกงเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริง จึงพิพากษาลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๐๔ , ๗๐
จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายมอบอำนาจให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีฐานยักยอกโจทก์จะมาฟ้องฐานฉ้อโกงไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าอัยยการฟ้องจำเลยในเรื่องเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปแล้วไม่ส่งคืน ผู้เสียหายก็ได้มาร้องทุกข์ในเรื่องทรัพย์นี้เป็นการเพียงพอแล้วส่วนรูปคดีจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหรือยักยอกนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งแล้วแต่เจ้าพนักงานจะเห็นว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใด ก็ฟ้องไปฐานนั้น ไม่มี กฎหมายว่ามาร้องทุกข์ต้องเจาะจงฐานความผิดและถ้าผิดไปจะฟ้องฐานอื่นไม่ได้จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share