คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5(3)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่

ย่อยาว

มูลคดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสาม และจำเลยร่วมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ และคืนดินปนหินแก่โจทก์ หากไม่สามารถคืนได้ให้ใช้เงิน 28,200 บาท จำเลยและจำเลยร่วมไม่ชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและนำยึดที่ดิน1 แปลง ต่อมาจำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมได้จัดการชำระหนี้แล้วโจทก์ขอถอนการยึด ศาลอนุญาต และศาลชั้นต้นสั่งว่า ปรากฏว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมให้เจ้าพนักงานบังคับคดีตามระเบียบ จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งการถอนการยึด และให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปต่อมาจำเลยที่ 3 และจำเลยร่วมยื่นคำร้องว่า ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมยึดโดยไม่มีการขาย ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง

จำเลยที่ 3 และจำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยผู้แพ้คดีจึงหาต้องรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นแทนโจทก์ไม่ และกรณีนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 บัญญัติว่า “ฯลฯค่าธรรมเนียมศาล ในการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายนี้ ให้คู่ความผู้ ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ เป็นผู้ชำระ ฯลฯ” เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยร่วมเช่นคดีนี้จึงถือได้ว่า โจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามมาตราดังกล่าวฉะนั้น เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่าย โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระดังที่โจทก์เข้าใจไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share