แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการของกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 2ในตำแหน่งบุรุษไปรษณีย์ มีหน้าที่ขับรถรับส่งไปรษณีย์ภัณฑ์และรับส่งเงิน จำเลยที่ 2 อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 รับส่งข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขนอกเวลาปฏิบัติงานปกติของทางราชการตามมติของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เห็นว่า เป็นประโยชน์ในการที่ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขจะไม่ต้องมาปฏิบัติราชการสาย ทั้งอำนวยความสะดวกสบายและประหยัดแก่ข้าราชการ อันเป็นการให้สวัสดิการแก่ข้าราชการ และเป็นประโยชน์แก่ราชการของจำเลยที่ 2 ด้วย.ถือว่าจำเลยที่ 1 ทำงานตามทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง แม้จำเลยที่ 1 จะได้รับค่าจ้างพิเศษอีกเป็นรายเดือนเป็นค่าทำงานล่วงเวลาโดยจ่ายจากเงินค่าโดยสารซึ่งเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 เรียกเก็บจากข้าราชการที่โดยสารรถยนต์นั้น ก็หาเป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยที่ 1 มิใช่ราชการของจำเลยที่ 2 ไม่
เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 2ลงมติให้จัดรถรับส่งข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นสวัสดิการเพื่อประโยชน์ที่ข้าราชการจะได้มาปฏิบัติราชการทันเวลา อันเป็นประโยชน์แก่ราชการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำรถของจำเลยที่ 2 ไปบริการได้ตามที่ที่ประชุมลงมติการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติงานในราชการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรมเจ้าสังกัด หาอยู่นอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ไม่เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถนั้นไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างพนักงานของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ ก.ท.ม. 6861 ของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาท ชนรถยนต์ ก.ท.ง. 6534 ของโจทก์เสียหายใช้การไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า รถ ก.ท.ม. 6861 เป็นของจำเลยที่ 2 จริงแต่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ มีหน้าที่ส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ให้แก่ประชาชนไม่ใช่พนักงานขับรถของจำเลยที่ 2 รถ ก.ท.ม 6861 ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขจัดเป็นรถรับส่งข้าราชการของจำเลยที่ 2 เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนเกี่ยวกับการเดินทางไปและกลับจากทำงาน โดยเก็บเงินจากผู้โดยสารเป็นรายเดือน เพื่อเป็นเงินค่าจ้างจำเลยที่ 1ให้เป็นคนขับนอกเวลาราชการ ไม่ใช่การปฏิบัติราชการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 การจัดรถรับส่งผู้โดยสารเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้โจทก์20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ฎีกาที่ว่า การจัดสวัสดิการ จัดรถรับส่งข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข ไม่ใช่ราชการของจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการของจำเลยที่ 2 ในตำแหน่งบุรุษไปรษณีย์มีหน้าที่ขับรถรับส่งไปรษณีย์ภัณฑ์และรับส่งเงิน ถึงแม้ว่าการขับรถรับส่งข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขจะเป็นการปฏิบัตินอกเวลาปฏิบัติงานตามปกติของทางราชการก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ขับรถนั้นตามมติของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการที่ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขจะไม่ต้องมาปฏิบัติราชการสาย ทั้งอำนวยความสะดวกสบายและประหยัดแก่ข้าราชการอันเป็นการให้สวัสดิการแก่ข้าราชการ และเป็นประโยชน์แก่ราชการของจำเลยที่ 2 ด้วย จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ทำงานตามทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง นอกจากนี้นางสาวอรุณ นายทองใส พยานจำเลยที่ 2 ยังเบิกความว่าเสียเงินค่าโดยสารให้แก่จำเลยที่ 2 โดยเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเงินไว้ การที่จำเลยที่ 1 ได้รับค่าจ้างพิเศษอีกเดือนละ 400 บาทนั้น ก็น่าจะเป็นเงินพิเศษค่าทำงานล่วงเวลา หาเป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยที่ 1 มิใช่ราชการของจำเลยที่ 2 ไม่
ฎีกาที่ว่า กรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 2 ไม่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการของข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข ผู้จัดการและสมาชิกที่ลงมติให้มีกิจการอันนี้ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 วรรค 2 นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ว่า เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมไปรษณีย์โทรเลขได้ลงมติให้จัดรถรับส่งข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขเป็นสวัสดิการ เพื่อประโยชน์ที่ข้าราชการจะได้มาปฏิบัติราชการทันเวลา อันเป็นประโยชน์แก่ราชการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำรถของจำเลยที่ 2 ไปบริการได้ตามที่ที่ประชุมได้ลงมติ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการปฏิบัติงานในราชการของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรมเจ้าสังกัด หาอยู่นอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย
ในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างทั้งสองกำหนดให้เป็นการสมควรแล้ว
พิพากษายืน