แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินค่าสินค้าที่โจทก์ชำระไป เนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบสินค้าให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยอ้างว่าโจทก์มีหนี้ค่าเสียหายที่ต้องรับผิดต่อจำเลย จากการไม่ชำระค่าสินค้าและรับมอบสินค้าทั้งหมดภายในกำหนด แต่โจทก์ปฏิเสธความรับผิด เช่นนี้ถือว่าหนี้ค่าเสียหายหรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าวยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยมิได้ฟ้องแย้งเพื่อให้ได้ข้อยุติว่า โจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยหรือไม่ เพียงใด จำเลยจึงนำหนี้ค่าเสียหายหรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ซึ่งจำเลยอ้างเพียงฝ่ายเดียวมาหักกลบลบหนี้กับเงินค่าสินค้าของโจทก์ไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 344
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,281,448.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,155,600 บาท นับถัดวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,155,600 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 มกราคม 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยโจทก์และจำเลยไม่โต้แย้งในชั้นฎีกาว่า โจทก์สั่งซื้อสินค้าประเภทซิลิคอน แมงกานีส จากจำเลย จำนวน 200 เมตริกตัน โดยอ้างอิง Proforma Invoice ของจำเลยหมายเลข FICO/P2/2009 และสั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากจำเลยอีกครั้งหนึ่ง จำนวน 26 เมตริกตัน โดยอ้างอิง Proforma Invoice ของจำเลยหมายเลข FICO/GS/3/2009 โจทก์ได้ชำระค่าสินค้าและได้รับสินค้าจากจำเลยเป็นคราว ๆ ครั้งที่ 1 จำนวนสินค้า 30 เมตริกตัน ครั้งที่ 2 จำนวนสินค้า 27 เมตริกตัน ครั้งที่ 3 จำนวนสินค้า 27 เมตริกตัน ต่อมาโจทก์สั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากจำเลย จำนวน 27 เมตริกตัน จำเลยแจ้งว่าจะจัดส่งสินค้าให้หลังจากได้รับเงินตามจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) โจทก์ชำระค่าสินค้าแล้วเป็นเช็คจำนวนเงิน 1,155,600 บาท จำเลยได้รับเงินแล้ว แต่จำเลยไม่ส่งมอบสินค้าให้โจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิหักกลบลบหนี้ค่าเสียหายของจำเลยกับเงินค่าสินค้าของโจทก์หรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ตามใบสั่งซื้อโจทก์จะต้องชำระค่าสินค้าและรับมอบสินค้าทั้งหมดไปจากจำเลยให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2552 โจทก์ผิดสัญญาไม่ชำระค่าสินค้าและรับมอบสินค้าทั้งหมดภายในกำหนดดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้า จึงขอใช้สิทธิหักกลบลบหนี้กับเงินค่าสินค้าของโจทก์ซึ่งจำเลยได้รับไว้และยังไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 344 บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจจะเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่…” เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์มีหนี้ค่าเสียหายที่ต้องรับผิดต่อจำเลยจากการไม่ชำระค่าสินค้าและรับมอบสินค้าทั้งหมดภายในกำหนด แต่โจทก์ปฏิเสธความรับผิด เช่นนี้ถือว่าหนี้ค่าเสียหายหรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าวยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยมิได้ฟ้องแย้งเพื่อให้ได้ข้อยุติว่าโจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยหรือไม่ เพียงใด จำเลยจึงนำหนี้ค่าเสียหายหรือสิทธิเรียกร้องดังกล่าวซึ่งจำเลยอ้างเพียงฝ่ายเดียวมาหักกลบลบหนี้กับเงินค่าสินค้าของโจทก์ไม่ได้ จำเลยต้องคืนเงินค่าสินค้าที่รับไว้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ