คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งหน้าที่ดินมีโฉนดของโจทก์ ส.เคยปลูกเรือนอยู่ในที่พิพาทและแจ้งการครอบครองไว้ว่าเป็นที่ของตน ต่อมา ส. ถูกเจ้าหนี้ฟ้องบังคับให้ชำระหนี้เงินกู้และถูกศาลบังคับคดียึดที่พิพาทประกาศขายทอดตลาด จ. เป็นผู้ซื้อได้และชำระราคาที่ดินแล้ว ต่อมา จ. ขายที่พิพาทให้จำเลยจำเลยเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่ โจทก์จึงมาฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ ปัญหาที่ว่าจ. ได้สิทธิในที่พิพาทหรือไม่นั้นอยู่ที่ว่า จ. ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตหรือไม่ โจทก์เพียงแต่อ้างว่าไม่ทราบว่ามีการยึดที่พิพาทขายทอดตลาด แต่โจทก์หาได้กล่าวอ้างหรือนำสืบให้เห็นว่า จ. ได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่โจทก์เพิ่งคัดค้านเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่พิพาทภายหลังที่ศาลมีคำสั่งขายที่พิพาทให้ จ. ไปหลายปีแล้ว ไม่เป็นพฤติการณ์ให้ฟังได้ว่า จ. ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริต จ. ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และได้ขายที่พิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิในที่ดินพิพาทและไม่มีทางชนะคดีจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามและนายทรงมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 5920 ด้านทิศตะวันออกติดลำคลอง มีที่งอกเนื้อที่ 2 ไร่เศษจำเลยทั้งสองได้บุกรุกเข้าไปล้อมรั้วปลูกผักในที่งอกของโจทก์เนื้อที่ 1 ไร่เศษ โจทก์ได้รับความเสียหาย ต่อมาจำเลยปลูกเรือนในที่งอกขึ้นอีก ขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และขับไล่จำเลยออกไป และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องไม่ใช่ที่งอกเดิมเป็นที่ของนายเส็งซึ่งได้แจ้ง ส.ค.1 และปลูกเรือนอยู่อาศัยมาประมาณ 30 ปีแล้ว ต่อมานายเส็งถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดที่ดินนั้นขายทอดตลาด นางเจริญซื้อได้ และเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ให้แล้วนางเจริญขายที่แปลงนี้ให้จำเลย แต่โจทก์ยื่นคำคัดค้านการรังวัดเพื่อโอน นางเจริญและจำเลยครอบครองที่แปลงนี้มากว่า 10 ปีแล้วจึงได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อโจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินตามหน้าโฉนดของโจทก์ ได้ชี้เขตรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยกว้างประมาณ 10 วา ยาวประมาณ 1 เส้น และนำหลักหินไปปักทำให้จำเลยขาดประโยชน์ ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ให้ถอนหลักหินออกไปถอนคำร้องคัดค้าน และใช้ค่าเสียหาย

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า นายเส็งมาขออาศัยปลูกเรือนในที่งอกแต่ได้รื้อเรือนไปแล้วหากนายเส็งไปแจ้ง ส.ค.1 ก็เป็นการไม่ชอบ โจทก์ไม่ทราบว่านายเส็งเป็นหนี้และถูกฟ้องจนถูกขายทอดตลาดที่พิพาท โจทก์คัดค้านการรังวัดเพราะที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์ไม่ได้บุกรุกที่ดินจำเลยขอให้ยกฟ้องแย้ง

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่งอกหน้าที่ดินมีโฉนดของโจทก์นับแต่เวลาที่นางเจริญครอบครองกับที่จำเลยครอบครองจนถึงวันโจทก์ฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี จำเลยยังไม่ได้กรรมสิทธิ์การครอบครองที่พิพาท จำเลยมิได้ครอบครองโดยละเมิดสิทธิโจทก์ พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่พิพาท คำขออื่นของโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยให้ยกเสีย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายเส็งครอบครองที่พิพาทโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยได้รับโอนติดต่อมาจากนางเจริญและนายเส็งย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ทั้งสามถอนคำคัดค้านการโอนที่ดินระหว่างนางเจริญกับจำเลยเสีย ให้โจทก์ถอนหลักหินและห้ามโจทก์กับบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยต่อไปฟ้องแย้งของจำเลยนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์ทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นที่งอกริมตลิ่งหน้าที่ดินมีโฉนดของโจทก์นายเส็งเคยปลูกเรือนอยู่ในที่พิพาทและแจ้งการครอบครองว่าเป็นที่ของตนไว้ นายเส็งถูกนางเปรื่องฟ้องบังคับให้ชำระหนี้เงินยืม และถูกศาลบังคับคดียึดที่พิพาทประกาศขายทอดตลาดนางเจริญเป็นผู้ซื้อที่พิพาทได้เมื่อ พ.ศ. 2503 ต่อมา พ.ศ. 2508นางเจริญขายที่พิพาทให้จำเลยปัจจุบันจำเลยครอบครองปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาท ศาลฎีกาเห็นว่านางเจริญเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ปัญหาว่านางเจริญจะได้สิทธิในที่พิพาทหรือไม่ จึงอยู่ที่ว่านางเจริญซื้อที่พิพาทโดยสุจริตหรือไม่ โจทก์เพียงแต่อ้างว่าไม่ทราบว่ามีการยึดที่พิพาทขายทอดตลาด แต่โจทก์หาได้กล่าวอ้างหรือนำสืบให้เห็นว่านางเจริญได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่ นางเจริญผู้ซื้อทรัพย์พิพาทได้จากการขายทอดตลาดของศาลได้ชำระราคาที่พิพาทแล้ว โจทก์เพิ่งจะมาคัดค้านเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่พิพาทภายหลังที่ศาลมีคำสั่งขายที่พิพาทให้นางเจริญไปแล้วหลายปี ไม่เป็นพฤติการณ์ให้รับฟังได้ว่า นางเจริญซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยไม่สุจริต นางเจริญย่อมได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และขายให้จำเลยเข้าครอบครองแล้ว โจทก์หมดสิทธิในทรัพย์พิพาท ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องได้ ปัญหาอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share