แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ว่า ‘ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตโฉนดของตนอยู่แค่ไหนจำเลยจะบุกรุกเข้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไป ก็เพราะสังเกตไว้เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหายฯลฯ’ดังนี้ ถือว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย เป็นแต่ว่า ผู้เสียหายไม่รู้เขตที่ คือนำสืบไม่ชัดว่า ที่ดินของผู้เสียหายแค่ไหน จึงลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ฉะนั้นเมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์แล้ว ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งว่าจำเลยรุกที่ดินโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยละเมิดขุดดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ขุดดินเข้าไปในที่โจทก์และอ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ศาลเปลี่ยนข้อเท็จจริง เนื่องจากศาลได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาเรื่องนี้ให้ยกฟ้องแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในคดีอาญาศาลพิพากษาชี้ขาดว่า ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของโจทก์ แต่บัดนี้โจทก์ได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่โจทก์ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า คำพิพากษาคดีอาญา ปิดปากตัดสำนวนคดีแพ่งหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีเดียวกันนี้ อัยการได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ครั้งหนึ่งแล้ว ศาลชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า “ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตโฉนดของตนอยู่แค่ไหนจำเลยจะขุดรุกเข้าไปหรือเปล่าไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยขุดรุกเข้าไปเพราะสังเกตไว้ เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหาย ฯลฯ” เห็นว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่า จำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย คือโจทก์ในคดีนี้ เป็นแต่ว่าโจทก์ไม่รู้เขตที่ คือนำสืบไม่ได้ชัดว่า ที่ดินของโจทก์แค่ไหน จึงลงโทษทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ศาลล่างรับฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งมาชอบแล้วพิพากษายืน