คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6991/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะให้การต่อสู้คดีอ้างเหตุเลิกจ้างโจทก์ไว้หลายประการก็ตามหากเหตุเลิกจ้างประการใดไม่ปรากฏในหนังสือเลิกจ้าง ย่อมแสดงว่าในขณะที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นจำเลยคงติดใจเลิกจ้างโจทก์เฉพาะสาเหตุที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างเท่านั้น ไม่ได้ติดใจที่จะนำสาเหตุอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้มาเป็นเหตุที่จะเลิกจ้างโจทก์อีก ที่ศาลชั้นต้นไม่วินิจฉัยเหตุเลิกจ้างอื่นตามที่จำเลยให้การไว้ จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดและจำเลยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าจ้าง ค่าทำงานในวันหยุดค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยโดยรับทำงานที่เหมือนกับงานของโรงพยาบาลจำเลยที่โรงพยาบาลอื่นจำเลยได้ว่ากล่าวตักเตือนโจทก์ให้เลิกประพฤติผิดระเบียบข้อบังคับมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่โจทก์ได้ประพฤติผิดระเบียบข้อบังคับซ้ำอีก จำเลยจึงมีหนังสือตักเตือนห้ามมิให้โจทก์กระทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับโจทก์รับทราบหนังสือตักเตือนแล้ว โจทก์กลับกระทำผิดซ้ำคำเตือนอีกนอกจากนี้โจทก์ละทิ้งความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ทอดทิ้งผู้ป่วยละทิ้งการให้การรักษาอันเป็นความผิดต่อจรรยามารยาทของการเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและกิจการของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงทำให้โรงพยาบาลของจำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน75,000 บาท ค่าจ้างค้างจ่ายเป็นเงิน 4,998 บาท ค่าทำงานในวันหยุดเป็นเงิน 833 บาท และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเป็นเงิน4,998 บาทแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกข้อความซึ่งจำเลยระบุเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ไว้ในหนังสือดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัยจึงเป็นการหยิบยกข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนโดยชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาวินิจฉัย มิใช่เป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวนตามที่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใดและแม้ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้คดีอ้างเหตุเลิกจ้างโจทก์ไว้ในคำให้การหลายประการก็ตาม หากเหตุเลิกจ้างที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ประการใดไม่ปรากฏในหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.3 ย่อมแสดงว่าในขณะที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้น จำเลยคงติดใจเลิกจ้างโจทก์เฉพาะสาเหตุที่ระบุไว้ในหนังสือเลิกจ้างเอกสารหมาย ล.3 เท่านั้น ไม่ได้ติดใจที่จะนำสาเหตุอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในเอกสารหมาย ล.3 มาเป็นเหตุที่จะเลิกจ้างโจทก์อีก คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ติดใจนำเหตุเลิกจ้างอื่น ๆที่ไม่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.3 มาเป็นเหตุเลิกจ้างโจทก์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเหตุเลิกจ้างอื่นตามที่จำเลยให้การไว้ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

หนังสือเลิกจ้างไม่ได้ระบุว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลยเกี่ยวกับการที่โจทก์ไปทำงานกับโรงพยาบาลอื่น ซึ่งจำเลยได้ตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้วและจำเลยได้มากระทำผิดซ้ำคำเตือนอีก จำเลยจึงขอเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือนแต่อย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าหนังสือเลิกจ้างได้ระบุเหตุดังกล่าวไว้แล้วจึงไม่อาจรับฟังได้”

พิพากษายืน

Share