แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่ผู้ตายคงประพฤติตนเป็นคนเจ้าชู้ มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นอีกหลายคน และกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับ ท. ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับผู้ตาย โดยจะออกบัตรเชิญแขกไปร่วมพิธีแต่งงานด้วย โรงงานที่ผู้ตายและ ท. ทำงานอยู่ห่างจากที่พักของจำเลยประมาณ 500 เมตร คนงานในโรงงานย่อมทราบดีว่าจำเลยเป็นภริยาของผู้ตายการกระทำดังกล่าวของผู้ตายย่อมทำให้จำเลยได้รับความอับอายมาก ก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่กลับบ้านหลายวันเพราะไปพักอยู่กับ ท. จำเลยตามผู้ตายให้กลับบ้านผู้ตายยอมกลับบ้าน แต่เมื่อจำเลยขอร้องผู้ตายว่าผู้ตายจะมีความสัมพันธ์กับ ท. ต่อไป จำเลยไม่ว่า แต่ขอร้องไม่ให้ผู้ตายแต่งงานกับ ท. ผู้ตายปฏิเสธการกระทำดังกล่าวของผู้ตายจึงเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมต่อจำเลยซึ่งเป็นภริยา การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในทันทีเพียง 1 นัด จึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะต่อผู้ตายซึ่งเป็นผู้ข่มเหงจำเลยในขณะที่ถูกข่มเหงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยเคยพูดขู่จะฆ่าผู้ตายมาแล้วหลายครั้ง ในวันเกิดเหตุจำเลยก็พูดกับ ท. และ ว. ว่าจะฆ่าผู้ตาย เมื่อจำเลยและผู้ตายกลับถึงห้องพักจำเลยก็เป็นฝ่ายด่าผู้ตายอยู่ข้างเดียวจึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก 15 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงลงโทษจำคุก 10 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยคู่ความมิได้ฎีกาคัดค้านว่า ผู้ตายและจำเลยเป็นสามีภริยากัน มีบุตร 1 คน บุคคลทั้งสองมีปากเสียงกันเป็นประจำเนื่องจากผู้ตายเป็นคนเจ้าชู้มาก ผู้ตายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นอีกหลายคนและจะเข้าพิธีแต่งงานกับนางสาวฤทัยทิพย์ ขุนทรง ก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่กลับบ้านหลายวันโดยไปพักอยู่ที่ห้องพักของนางสาวฤทัยทิพย์ วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 5 นาฬิกา จำเลยไปหาผู้ตายที่ห้องพักของนางสาวฤทัยทิพย์ ผู้ตายพาจำเลยกลับห้องพักของผู้ตาย สักครู่หนึ่งจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดดังกล่าวเพราะเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 หรือไม่ ในข้อนี้โจทก์มีพยานคือ นางสาวฤทัยทิพย์เบิกความว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 – 4 เดือน พยานและผู้ตายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันโดยจำเลยทราบเรื่องดี เคยไปเที่ยวเตร่และพักโรงแรมด้วยกันทั้งสามคน ทั้งนี้เพราะจำเลยต้องการให้ผู้ตายเลิกยุ่งเกี่ยวกับนักร้องหญิงอีกคนหนึ่ง จำเลยเคยพูดกับพยานว่าจำเลยยอมให้พยานแต่งงานกับผู้ตายได้ โดยจะอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ต่อมาจำเลยและพยานโกรธเคืองกันเรื่องจำเลยไม่ให้พยานไปเยี่ยมผู้ตายเมื่อผู้ตายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 5 นาฬิกา จำเลยไปตามผู้ตายซึ่งนอนอยู่ที่ห้องพักของพยาน จำเลยต่อว่าผู้ตายที่ไม่ยอมกลับไปดูแลบุตร และกล่าวคำอาฆาตว่าจะฆ่าทั้งผู้ตายและพยานถ้าพยานไม่ยอมปล่อยให้ผู้ตายกลับไปดูแลบุตรพยานและผู้ตายกำหนดจะแต่งงานกันหลังวันเกิดเหตุประมาณ 2 – 3 เดือน นายวินัย กล่ำเสือ เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าพยานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำอยู่ที่ผู้ตายทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 6 นาฬิกา จำเลยเข้าไปในบริเวณโรงงาน ขณะที่ผู้ตายแยกไปเอารถจักรยานยนต์ จำเลยแวะเข้าไปในป้อมยามและสอบถามพยานว่ายิงคนตายจะติดคุกกี่ปี พยานจึงถามจำเลยว่า จะไปยิงเขาทำไมจำเลยพูดว่า คนเหี้ย ๆ อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้ แล้วจำเลยด่าผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องผู้ตายเป็นคนเจ้าชู้ ต่อมาอีกประมาณ 10 นาที ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มารับจำเลยออกจากโรงงานไป หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 นาที จำเลยโทรศัพย์บอกพยานว่า จำเลยยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว พยานจึงไปที่ห้องพักของผู้ตายซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานประมาณ 500 เมตร นายปราโมทย์ เกาะแก้ว พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าพยานอาศัยอยู่ที่ห้องพักชั้นสามของอาคารโดยอยู่ติดกับห้องของจำเลยและผู้ตาย วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 7 นาฬิกา พยานตื่นนอนแล้วเปิดประตูห้องไว้สักครู่หนึ่งจำเลยกับผู้ตายเดินผ่านหน้าห้องพยานไปที่ห้องของจำเลย พยานได้ยินเสียงปิดประตูห้องและเสียงล็อกประตู จากนั้นได้ยินเสียงจำเลยด่าผู้ตายอยู่ประมาณ 2 นาที แต่ไม่ได้ยินเสียงผู้ตายโต้ตอบ มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พยานกับนายสมยศ จันทิมา ซึ่งพักอยู่ห้องเดียวกับพยานรีบไปเคาะประตูห้องจำเลยอยู่นานเกือบ 2 นาที จำเลยจึงเปิดประตู พยานเห็นผู้ตายนอนคว่ำหน้าอยู่กลางห้อง มีโลหิตไหล พยานกับนายสมยศช่วยกันอุ้มผู้ตายลงไปชั้นล่าง สักครู่หนึ่งมีคนงานมาช่วยนำผู้ตายส่งโรงพยาบาล ก่อนวันเกิดเหตุพยานได้ยินเสียงจำเลยกับผู้ตายทะเลาะกันบ่อย ๆ บางครั้งรุนแรงและจำเลยขู่จะฆ่าผู้ตายถ้าผู้ตายไปแต่งงานใหม่ นางดารณี บ่างรักชิต พี่ของผู้ตายเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าผู้ตายมีภริยาหลายคน ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ จำเลยโทรศัพท์ไปที่บ้านมารดาผู้ตายสอบถามเรื่องผู้ตายจะแต่งงานใหม่ หลังจากนั้นจำเลยโทรศัพท์ไปขู่พยานว่า หากผู้ตายแต่งงานใหม่ จำเลยจะยิงผู้ตาย วันเกิดเหตุจำเลยโทรศัพท์บอกพยานว่าจำเลยยิงผู้ตายแล้ว 1 นัด กระสุนปืนถูกที่ท้อง ส่วนพยานจำเลยมีตัวจำเลยเบิกความว่าผู้ตายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นอีกหลายคนและมีบุตรกับหญิงอื่นอีก 1 คนหญิงอื่นรายล่าสุดคือ นางสาวฤทัยทิพย์พยานโจทก์ซึ่งทำงานที่เดียวกับผู้ตาย จำเลยทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ตายกับนางสาวฤทัยทิพย์มานานแล้ว ก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งเดือนจำเลยทราบข่าวว่าผู้ตายจะแต่งงานใหม่กับนางสาวฤทัยทิพย์โดยจะเชิญแขกไปร่วมงานด้วย เมื่อสอบถามผู้ตาย ผู้ตายบอกว่าจะแต่งงานในเดือนมีนาคมจึงเป็นเหตุให้จำเลยกับผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ วันเกิดเหตุจำเลยไปตามผู้ตายกลับมาจากห้องพักของนางสาวฤทัยทิพย์ เมื่อถึงห้องพักจำเลยพูดกับผู้ตายว่าผู้ตายจะมีความสัมพันธ์กับนางสาวฤทัยทิพย์จำเลยไม่ว่า แต่ขอร้องว่าไม่แต่งงานได้ไหมผู้ตายปฏิเสธ จำเลยโกรธจึงถามหาอาวุธปืนของผู้ตายอยู่หลายครั้ง ผู้ตายจึงบอกว่าอยู่ในตู้เสื้อผ้า จำเลยหยิบอาวุธปืนมาในชั้นแรกตั้งใจว่าจะยิงขึ้นฟ้าเพื่อระบายความอึดอัดใจ จากพยานหลักฐานดังกล่าวข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ตายซึ่งเป็นสามีของจำเลยทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของโรงงานไดนามิกทอยซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของผู้ตายและจำเลยประมาณ 500 เมตร ผู้ตายเป็นคนเจ้าชู้มาก มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นอีกหลายคนและกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับนางสาวฤทัยทิพย์ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับผู้ตาย โดยจะออกบัตรเชิญแขกไปร่วมพิธีแต่งงานด้วย ผู้ตายและจำเลยทะเลาะกันเป็นประจำเพราะความเจ้าชู้ของผู้ตาย จำเลยเคยพูดขู่ผู้ตายและญาติของผู้ตายว่าจะฆ่าผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่กลับบ้านหลายวันเพราะไปค้างคืนอยู่กับนางสาวฤทัยทิพย์ วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 5 นาฬิกา จำเลยไปตามผู้ตายที่ห้องพักของนางสาวฤทัยทิพย์ เมื่อออกจากห้องพักของนางสาวฤทัยทิพย์ ผู้ตายแยกไปเอารถจักรยานยนต์ ส่วนจำเลยเดินไปพูดกับนายวินัยพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ที่โรงงานไดนามิกทอย จำเลยด่าผู้ตายให้นายวินัยฟังและพูดว่า คนเหี้ย ๆ อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้ เมื่อผู้ตายรับจำเลยกลับถึงห้องพักจำเลยด่าผู้ตายอยู่ข้างเดียวโดยผู้ตายไม่ได้เถียง จำเลยพูดกับผู้ตายว่า ผู้ตายจะมีความสัมพันธ์กับนางสาวฤทัยทิพย์ต่อไป จำเลยไม่ว่าแต่จำเลยขอร้องว่าผู้ตายไม่แต่งงานกับนางสาวฤทัยทิพย์ได้หรือไม่ผู้ตายปฏิเสธ จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเห็นว่า จำเลยเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่ผู้ตายยังคงประพฤติตนเป็นคนเจ้าชู้ มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นอีกหลายคน และกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับนางสาวฤทัยทิพย์ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับผู้ตาย โดยจะออกบัตรเชิญแขกไปร่วมพิธีแต่งงานด้วย โรงงานที่ผู้ตายและนางสาวฤทัยทิพย์ทำงานอยู่ห่างจากที่พักของจำเลยประมาณ 500 เมตร คนงานในโรงงานย่อมทราบดีว่าจำเลยเป็นภริยาของผู้ตาย การกระทำดังกล่าวของผู้ตายย่อมทำให้จำเลยได้รับความอับอายมากก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่กลับบ้านหลายวันเพราะไปพักอยู่กับนางสาวฤทัยทิพย์ เมื่อจำเลยตามผู้ตายให้กลับบ้าน แม้ผู้ตายยอมกลับบ้านแต่เมื่อจำเลยขอร้องผู้ตายว่าผู้ตายจะมีความสัมพันธ์กับนางสาวฤทัยทิพย์ต่อไป จำเลยไม่ว่าแต่ขอให้ผู้ตายไม่แต่งงานกับนางสาวฤทัยทิพย์ ผู้ตายปฏิเสธ การกระทำดังกล่าวของผู้ตายจึงเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมต่อจำเลยซึ่งเป็นภริยา การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในทันทีเพียง 1 นัด จึงเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะต่อผู้ตายซึ่งเป็นผู้ข่มเหงจำเลยในขณะที่ถูกข่มเหงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำเลยนั้น พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยเคยพูดขู่จะฆ่าผู้ตายมาแล้วหลายครั้ง ในวันเกิดเหตุจำเลยก็พูดกับนางสาวฤทัยทิพย์และนายวินัยพยานโจทก์ว่าจะฆ่าผู้ตาย เมื่อจำเลยและผู้ตายกลับถึงห้องพักจำเลยก็เป็นฝ่ายด่าผู้ตายอยู่ข้างเดียว จึงเห็นว่าไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน