แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีการจำหน่ายปุ๋ยของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 ออกใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อตามแต่ลูกค้ากำหนด เพื่อให้ลูกค้านำไปเบิกปุ๋ยจากโกดังของจำเลยที่ 1 และเมื่อมีผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้าไปเบิกปุ๋ยจากโกดังของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็จะจ่ายสินค้าให้โดยไม่จำต้องตรวจดูว่าผู้มาขอรับสินค้าเป็นผู้ที่สั่งซื้อหรือไม่ ดังนี้ มีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อปุ๋ยจากจำเลยที่ 2 ได้นำใบสั่งจ่ายสินค้าซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 ออกให้แก่จำเลยที่ 2 ไปขอรับปุ๋ยจากจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามสัญญาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันตามสัญญาในอันที่จะต้องมอบปุ๋ยให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบปุ๋ยสูตร ๑๖ – ๒๐ – ๐ ตราไอยรา จำนวน ๑๗๘ ตัน ตันละ ๔,๖๐๐ บาท และปุ๋ย ๔๖ – ๐ – ๐ ตราไอยรา จำนวน ๖๒ ตัน ตันละ ๕,๖๐๐ บาท หากส่งมอบไม่ได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน ๑,๑๖๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๒ ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายปุ๋ยเคมีและวัสดุภัณฑ์การเกษตร วิธีปฏิบัติในการจำหน่ายปุ๋ยของจำเลยที่ ๑ นั้น จำเลยที่ ๑ จะออกใบสั่งสินค้าให้ลูกค้าโดยระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อตามแต่ลูกค้ากำหนดเพื่อนำไปเบิกจากโกดังของจำเลยที่ ๑ เมื่อมีผู้นำใบเบิกสินค้ามาขอรับสินค้าแล้ว จำเลยที่ ๑ ก็จะจ่ายสินค้าให้แก่ผู้มาขอรับ ต่อมาโจทก์นำใบสั่งจ่ายสินค้าไปขอรับปุ๋ยพิพาทจากจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่จ่ายปุ๋ยตามใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่โจทก์ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบปุ๋ยพิพาทให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามทางปฏิบัติเมื่อจำเลยที่ ๑ ออกใบสั่งจ่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าแล้ว หากมีผู้นำใบสั่งจ่ายสินค้าไปเบิกปุ๋ยจากโกดังของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ก็จะจ่ายสินค้าให้โดยไม่จำต้องตรวจดูว่าผู้มาขอรับสินค้าเป็นผู้ที่สั่งซื้อหรือไม่ ดังนี้มีลักษณะเป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๔ วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อปุ๋ยจากจำเลยที่ ๒ ได้นำใบสั่งจ่ายสินค้าไปขอรับปุ๋ยจากจำเลยที่ ๑ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาแก่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามสัญญาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว จำเลยที่ ๑ จึงต้องผูกพันตามสัญญาในอันที่จะต้องมอบปุ๋ยให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๔ วรรคสอง
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ ส่งมอบปุ๋ยสูตร ๑๖ – ๒๐ – ๐ ตราไอยรา จำนวน ๑๗๘ ตัน และปุ๋ยสูตร ๔๖ – ๐ – ๐ ตราไอยรา จำนวน ๖๒ ตัน แก่โจทก์ หากส่งมอบปุ๋ยดังกล่าวไม่ได้ให้โจทก์ชำระราคาค่าปุ๋ยแทนเป็นเงิน ๑,๑๖๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบปุ๋ยหรือชำระราคา ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๑๕,๐๐๐ บาท.