แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในรูปของค่าธรรมเนียมสมาชิกจากลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนต่อ พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ฯ มาตรา 6 สาระสำคัญในการกระทำผิดอยู่ที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 20 เทปของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ศาลจึงไม่มีอำนาจริบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2536 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน และจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยทำเป็นธุรกิจและได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในรูปของค่าธรรมเนียมสมาชิกจากลูกค้าผู้มีชื่อโดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนกลาง และไม่มีเหตุได้รับการยกเว้นใด ๆ ตามกฎกระทรวง อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเหตุเกิดที่แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยเทป จำนวน 1,526 ม้วน ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 4, 6, 34 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 6, 34จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,100 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นฎีกามีเพียงว่า เทปของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลมีอำนาจริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์เป็นเรื่องกล่าวหาว่า จำเลยประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน และจำหน่ายซึ่งเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการในรูปของค่าธรรมเนียมสมาชิกจากลูกค้า โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลางเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 6 ซึ่งต้องถูกลงโทษตาม มาตรา 34 สาระสำคัญในการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องอยู่ที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น เทปของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)ศาลจึงไม่มีอำนาจริบได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าเทปของกลางไม่ได้ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานผู้ตรวจตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530มาตรา 10 จำเลยมีเทปของกลางไว้ในครอบครองในสถานที่จำเลยประกอบกิจการเป็นความผิดตามมาตรา 20 จึงต้องริบเทปของกลางนั้นเห็นว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 20 ศาลจึงริบเทปของกลางไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่ริบเทปของกลาง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างในชั้นฎีการูปคดีไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน