คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่ง ยังไม่ได้ขอให้ศาลออกคำบังคับและยังไม่ได้ขอออกหมายบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาแต่ภายใน 10 ปีนั้นปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ ผู้ร้องย่อมจะยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีกไม่ได้ได้แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินนั้นหรือเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น ผู้ร้องจึงไม่จำต้องขอให้บังคับคดีในคดีของตนและเมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยแล้วแม้ผู้ร้องจะยังมิได้ขอให้ศาลออกคำบังคับ ผู้ร้องก็มีสิทธิร้องขอให้ตนเข้าเฉลี่ยได้ ดังนั้นเมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำขอเช่นว่านี้ก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นแล้วหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องจึงไม่ขาดอายุความหรือขาดอายุการบังคับคดี และเมื่อโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีนี้ภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาและผู้ร้องก็ขอเข้าเฉลี่ยภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาคดีของผู้ร้องและภายในระยะเวลาที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 กำหนดไว้แล้วแม้จะล่วงพ้น 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา การบังคับคดียังไม่แล้วเสร็จก็ไม่ทำให้คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องสิ้นผลไป

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอลำลูกกาจังหวัดปทุมธานี ขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้เมื่อวันที่ 2 มกราคม2501และเจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดธัญญบุรี ได้ยึดทรัพย์ดังกล่าวแทนกองหมายตังแต่วันที่ 19 กันยายน 2502

ต่อมาวันที่ 2 เมษายน 2507 คุณหญิงอัมพร ทิพยมณเฑียร ร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504ของศาลแพ่งที่ให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน 300,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้ผู้ร้องจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะนำยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาจึงขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยเงินที่ขายหรือจำหน่ายที่ดินดังกล่าวของจำเลยที่ 2 โจทก์ยื่นคำแถลงว่าไม่คัดค้าน ส่วนจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องของผู้ร้องแล้ว ไม่ยื่นคำแถลงว่าจะคัดค้านหรือไม่ ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่คัดค้าน จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้

วันที่ 6 กันยายน 2514 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องทำนองเดียวกันว่าศาลแพ่งพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 874/2504 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2504 ถือว่าเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษา และเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอดำเนินการบังคับคดีได้ภายใน 10 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271บัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว แต่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังมิได้ขอออกหมายบังคับคดี หนี้ของผู้ร้องจึงขาดอายุความและขาดอายุการบังคับคดีแล้วอย่างไรก็ดี เมื่อเกิน 10 ปี แล้วแต่การบังคับคดียังไม่เสร็จ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิดำเนินการบังคับคดีต่อไป และคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องก็สิ้นผลไปด้วยขอให้ศาลมีคำสั่งว่าคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีผลบังคับต่อไป

ผู้ร้องยื่นคำแถลงคัดค้านว่า คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไม่สิ้นผลและศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าคำร้องของเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไม่มีผลบังคับต่อไป

ศาลชั้นต้นเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มาสอบถาม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยทั้งสอง และขอให้ศาลสั่งคำร้องของจำเลยทั้งสอง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า หนี้ของผู้ร้องยังไม่ขาดอายุความบังคับคดีหรือหมดสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสองจะยังไม่ได้ขอให้ศาลออกคำบังคับ และยังไม่ได้ขอหมายบังคับคดีให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504ให้แก่ผู้ร้อง แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้วผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504 จะยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีกไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก ผู้ร้องจึงไม่จำต้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504และตามมาตรา 290 ดังกล่าวมิได้บัญญัติว่าให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลออกคำบังคับให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาปฎิบัติตามคำพิพากษาเสียก่อนที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น ดังนั้น เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504 แล้ว แม้ผู้ร้องจะยังไม่ได้ขอให้ศาลออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสองปฎิบัติตามคำพิพากษา ผู้ร้องก็มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้ ทั้งผู้ร้องได้ยื่นคำขอเช่นว่านี้ก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วัน นับแต่วันขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 290 วรรคสามแล้ว หนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องจึงไม่ขาดอายุความหรือขาดอายุการบังคับคดี เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา และผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยอมให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 874/2504 และภายในระยะเวลาที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 กำหนดไว้แล้ว แม้จะล่วงพ้น 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาแล้วยังบังคับคดีไม่แล้วเสร็จ ก็ไม่ทำให้คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องสิ้นผลไป ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share