แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนในขณะปฎิบัติหน้าที่ขับรถยนต์ซึ่งตามลักษณะและสภาพความผิดการกระทำของจำเลยไม่สามารถแยกออกจากกันได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งได้รับอนุญาตขับรถได้เสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 62 ตรี,106 ตรี พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ,157 ทวิ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 102 (3 ตรี),127 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ด้วย จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 ตรี, 106 ตรีพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง,157 ทวิ วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 102 (3 ตรี), 127 ทวิ เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเสพวัตถุออกฤทธิ์จำคุก 1 ปี ฐานเสพวัตถุออกฤทธิ์ขณะปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 เดือน ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่จำเลยไว้ 6 เดือน จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 ตรี, 106 ตรีซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90เพียงกระทงเดียวและให้ปรับ 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง รวมเป็นจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ความผิดฐานเสพวัตถุออกฤทธิ์โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นผู้ขับขี่เสพวัตถุออกฤทธิ์โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นการกระทำความผิดต่างฐานกัน แต่ความมุ่งหมายในการกระทำเป็นอย่างเดียวกัน และข้อเท็จจริงตามคำฟ้องได้ความเพียงว่าจำเลยได้เสพวัตถุออกฤทธิ์ขณะปฎิบัติหน้าที่ขับรถยนต์จึงเป็นที่เห็นได้โดยชัดแจ้งว่าตามลักษณะและสภาพความผิดการกระทำของจำเลยไม่สามารถแยกออกจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่หลายกรรมต่างกันไม่ พิพากษายืน