คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6969/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพูดหลอกลวงโจทก์ร่วมที่ 1 เท่านั้น จำเลยมิได้หลอกลวงโจทก์ร่วมที่ 2 หรือเจตนาให้ได้ทรัพย์สินจากโจทก์ร่วมที่ 2 การที่โจทก์ร่วมที่ 2 รับฟังเรื่องราวจากโจทก์ร่วมที่ 1 แล้วหลงเชื่อว่าเป็นความจริงและประสงค์ร่วมลงทุนกับโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย โดยโอนเงินผ่านธนาคารเข้าบัญชีโจทก์ร่วมที่ 1 เพื่อส่งมอบให้แก่จำเลยนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำความผิดทางอาญาของจำเลยต่อโจทก์ร่วมที่ 2 โจทก์ร่วมที่ 2 จึงไม่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 341 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 390,000 บาท และผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 330,000 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางวารุณี ผู้เสียหายที่ 1 และนางสาววรรณา ผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 390,000 บาท และโจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 330,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ให้ยกคำร้องของโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ และยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ร่วมที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมที่ 1 ว่าจะยกที่ดินและมีญาติของจำเลยจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ร่วมจนโจทก์ร่วมที่ 1 หลงเชื่อมอบเงินให้จำเลยไป คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ว่า โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นผู้เสียหายมีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์การพูดหลอกลวงของจำเลยตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ 1 ได้ความว่าเป็นการพูดเพื่อให้มีผลต่อโจทก์ร่วมที่ 1 และได้ทรัพย์สินจากโจทก์ร่วมที่ 1 เท่านั้น จำเลยมิได้หลอกลวงโจทก์ร่วมที่ 2 หรือเจตนาให้ได้ทรัพย์สินจากโจทก์ร่วมที่ 2 แต่อย่างใด จึงไม่อาจถือได้ว่าการที่โจทก์ร่วมที่ 2 รับฟังเรื่องราวดังกล่าวจากโจทก์ร่วมที่ 1 แล้วหลงเชื่อว่าเป็นความจริงเช่นเดียวกับโจทก์ร่วมที่ 1 และประสงค์ร่วมลงทุนกับโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย จึงได้โอนเงินผ่านธนาคารเข้าบัญชีโจทก์ร่วมที่ 1 หลายครั้งเป็นเงินรวม 330,000 บาท เพื่อส่งมอบให้แก่จำเลยนั้น เกิดจากการกระทำความผิดทางอาญาของจำเลยต่อโจทก์ร่วมที่ 2 และส่งผลให้โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมที่ 2 ไม่ใช่ผู้เสียหาย และยกคำร้องของโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ร่วมที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share