คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6958/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่ฝ่ายจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มไปชำระแก่ฝ่ายจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยใช้สิทธิตามปกติอันพึงกระทำได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการอย่างใดอันเป็นการกระทบต่อสิทธิของโจทก์ แม้ในตอนท้ายของหนังสือจะมีข้อความขอให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าไปชำระ มิฉะนั้นจำเลยจะดำเนินการตามระเบียบก็ตาม ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องโจทก์จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ แม้ต่อมาหากปรากฏว่าจำเลยดำเนินคดีแก่โจทก์ก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์ต้องชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยหรือไม่ เพราะศาลอาจมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้น ลำพังหนังสือของจำเลยที่แจ้งไปยังโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการกระทำของจำเลยที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษายกเลิกหนังสือดังกล่าวได้ ส่วนที่โจทก์มีคำขอบังคับห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์ซึ่งหมายถึงการระงับหรืองดกระทำการดังกล่าวหลังจากวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นต้นไปนั้น เป็นเรื่องการกระทำในอนาคตซึ่งยังมิได้มีการโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์จึงเป็นคำขอบังคับที่ไม่อาจพิพากษาบังคับจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษายกเลิกหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2546 และห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วนั้นในเรื่องนี้ตามสำเนาหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 ที่ฝ่ายจำเลยแจ้งไปยังโจทก์มีใจความสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้เข้าตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าที่โจทก์ขออนุญาตใช้แล้ว พบว่าค่ามิเตอร์ไฟฟ้าไม่แสดงหน่วยขึ้นขณะใช้โหลดไฟฟ้า ทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าไม่แสดงหน่วยการใช้ไฟฟ้า จึงเห็นสมควรปรับปรุงค่าไฟฟ้าเพิ่มย้อนหลังตามเปอร์เซ็นต์คลาดเคลื่อนเป็นเงินเรียกเก็บเพิ่มทั้งสิ้น 1,822,146.81 บาท ขอให้โจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือนี้ หากพ้นกำหนดจำเลยจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบ เห็นว่า การที่ฝ่ายจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มไปชำระแก่ฝ่ายจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยใช้สิทธิตามปกติอันพึงกระทำได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการอย่างใดอันเป็นการกระทบต่อสิทธิของโจทก์ แม้ในตอนท้ายของหนังสือจะมีข้อความขอให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าไปชำระ มิฉะนั้นจำเลยจะดำเนินการตามระเบียบก็ตาม ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องโจทก์จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ แม้ต่อมาหากปรากฏว่าจำเลยดำเนินคดีแก่โจทก์ก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์ต้องชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยหรือไม่ เพราะศาลอาจมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้น ลำพังหนังสือของจำเลยที่แจ้งไปยังโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการกระทำของจำเลยที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษายกเลิกหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2546 ได้ ส่วนที่โจทก์คำขอบังคับห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์ ซึ่งหมายถึงการระงับหรืองดกระทำการดังกล่าวหลังจากวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นต้นไปนั้น เป็นเรื่องการกระทำในอาคตซึ่งยังมิได้มีการโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ จึงเป็นคำขอบังคับที่ไม่อาจพิพากษาบังคับจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษยืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share