คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทนคดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปีนับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้แต่ละคราวเป็นตอนๆ มา

ย่อยาว

ได้ความว่านางชุ่มได้มอบให้จำเลยรับเงินบำนาญพิเศษของพลทหารสบายบุตรนางชุ่นที่ได้ทำการสู้รบและตายในราชการทหารภายหลังที่จำเลยได้รับมอบให้รับเงินบำนาญพิเศษแทนนางชุ่มแล้วทางการได้เพิ่มเงินบำนาญพิเศษขึ้นอีกหลายครั้ง แต่จำเลยก็ยังคงนำเงินไปมอบให้แก่นางชุ่มเท่าเดิมจำเลยเบียดบังเอาเงินบำนาญพิเศษของนางชุ่มเป็นเงิน 10692.10 บาทเสีย ต่อมานางชุ่มตายโจทก์ทั้ง 4 ซึ่งเป็นบุตรของนางชุ่ม เป็นผู้รับทรัพย์มรดกตามกฎหมายได้ฟ้องจำเลยในกรณีนี้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ยักยอกและให้จำเลยใช้เงิน 10,692.10 บาท แก่โจทก์

ศาลชั้นต้นสั่งในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องว่าโจทก์หาว่าจำเลยฉ้อโกงและยักยอกโจทก์เป็นผู้สืบสันดานของผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องทางอาญาได้ พิพากษาให้ยกฟ้องทางอาญา ให้ประทับฟ้องคดีทางแพ่ง

โจทก์ไม่อุทธรณ์ คดีส่วนอาญายุติ คดีแพ่งคงดำเนินต่อมา

ทางพิจารณาคงได้ความดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสองว่า ให้จำเลยใช้เงิน 10,692.10 บาท

ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายซึ่งจำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนั้น ศาลฎีกากล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทนที่จำเลยอ้างมาในฎีกาว่ามีอายุความ 5 ปี จำเลยก็หาได้ให้เหตุผลแต่ประการใดไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเจ้ามรดกมีสิทธิเรียกเงินนี้คืนจากจำเลยภายใน 10 ปี นับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้แต่ละคราวเป็นตอน ๆ มา เจ้ามรดกตาย โจทก์ก็รับมรดกสิทธินี้ โจทก์มาฟ้องยังหาเกินกำหนดไม่ คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

Share