คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทำคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งมายื่นใหม่ภายใน 15 วัน ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอไว้สั่งหลังจากได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งก่อน คำสั่งดังกล่าวมิใช่คำสั่งให้ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของจำเลย แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อมาขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาที่ยื่นไว้ดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ายังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยืนยันตามคำสั่งที่ให้รอการไต่สวนไว้ก่อนเท่านั้น หาได้ มีผลเป็นการยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาที่ จำเลยยื่นไว้อันจะทำให้จำเลยมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 ไม่ คำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 182,586,877.40 บาท และ 15,947,187.73 บาทพร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบถ้วน

จำเลยทั้งสี่ให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์คืนโฉนดที่ดินพิพาทรวม 173 ฉบับ พร้อมจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้แก่จำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งและได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำโฉนดที่ดินของจำเลยที่ยึดถือไว้มาวางต่อศาล

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2541 ว่า คำร้องขอแก้เพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่อ่านไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจให้จำเลยทั้งสี่ทำคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งมายื่นใหม่ให้เรียบร้อยภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ ส่วนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาที่จำเลยทั้งสี่ยื่นในวันนี้ ให้รอไว้สั่งหลังจากมีคำสั่งในเรื่องคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่แล้ว จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้น ไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งและยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่

จำเลยทั้งสี่ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ได้ยกคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของจำเลยทั้งสี่ฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 มิใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์นั้น เห็นว่า คดีนี้เมื่อจำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่ทำคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งมายื่นใหม่ภายใน 15 วัน ต่อมาจำเลยทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนเพื่อคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอไว้สั่งหลังจากศาลได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสี่ก่อน คำสั่งดังกล่าวมิใช่คำสั่งให้ยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของจำเลยทั้งสี่แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของจำเลยทั้งสี่ ที่ได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นไว้แล้วเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2541 ต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมให้ยกคำร้อง จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยืนยันตามคำสั่งที่ให้รอการไต่สวนคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาไว้ก่อนเท่านั้น หาได้มีผลเป็นการยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา ฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2541 ที่จำเลยทั้งสี่ได้ยื่นไว้แต่เดิมอันจะทำให้จำเลยทั้งสี่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 แต่อย่างใดไม่ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยทั้งสี่ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share