แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า “จำเลยขับรถยนต์แซงรถสามล้อเครื่องแล้วเร่งเครื่องยนต์ขับเพื่อขึ้นหน้า ฯ ” แต่ครั้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ว่า” โจทก์นำพยานเข้าสืบว่า เห็นแต่สามล้อธรรมดาวิ่งอยู่เยื้องหน้ารถจำเลย” เพียงเท่านี้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำกล่าวหาในฟ้องของโจทก์ รูปคดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอย่างเดียวเท่านั้น จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อาญา ม.218.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์แซงรถสามล้อเครื่องแล้วเร่งเครื่องยนต์ขับเพื่อขึ้นหน้าโดยไม่คำนึงถึงระยะข้างหน้ารถจำเลยว่ามีทางที่พอจะขับขึ้นหน้าสามล้อเครื่องได้หรือไม่ เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับชน ด.ช.เรวัตร โปร่งงาม ล้มพาดถนนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ ต.หิรัญรูจี อ.ธนบุรี จ.ธนบุรี ขอให้ลงโทษ
นางประยงค์ โปร่งงาม มารดาผู้เสียหายยื่นคำร้องว่าจำเลยบรรเทาความเสียหายโดยชดใช้เงินและช่วยจัดการปลงศพผู้ตาย จึงไม่ติดใจเอาความจึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา
จำเลยให้การว่าได้ขับรถยนต์ชนผู้ตายจริง เพราะผู้ตายวิ่งตัดหน้ารถในระยะกระชั้นชิด จำเลยมิได้ขับรถโดยประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง
ศาลอาญาพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๒ ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พ.ศ.๒๔๙๖ ม.๓ ให้จำคุกสถานเบามีกำหนด ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีผิดหรือถ้ามีผิดก็ขอรอการลงอาญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ฟังคำแถลงของทนายจำเลยตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีแล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์
พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยขับรถยนต์ชน ด.ช.เรวัตรตายโดยความประมาทวางโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี คดีที่พิจารณามาไม่มีปัญหาข้อ ก.ม.ประการใด จำเลยมิได้ยกปัญหาข้อ ก.ม.ขึ้นต่อสู้คดี เว้นแต่เมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วจำเลยแถลงปิดสำนวนได้กล่าวข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายในฟ้องโดยโจทก์ว่าจำเลยขับแซงสามล้อเครื่องเพื่อขึ้นหน้า แต่พยานโจทก์ว่าเห็นแต่สามล้อธรรมดาวิ่งอยู่เบื้องหน้ารถจำเลย ศาลฎีกาได้พิจารณาถึงข้อความนี้แล้วเห็นว่าจะฟังว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำกล่าวหาในฟ้องของโจทก์หาได้ไม่
คดีจึงเป็นเพียงปัญหาข้อเท็จจริงอย่างเดียวเท่านั้น เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อาญา ม.๒๑๘ จึงให้ยกฎีกาจำเลยเสีย.