คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6899/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่ออาวุธปืนที่จำเลยมีและพยายามจำหน่ายสำหรับการค้าเป็นอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานอนุญาต และจำเลยยังมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ซองกระสุนปืน และเครื่องกระสุนปืนของกลางอื่นอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่งด้วย จึงต้องลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 24, 72, 72 ทวิ, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 80, 91, 371 ริบอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) พร้อมซองกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 24, 72 วรรคหนึ่ง วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 371 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่น เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตอันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 เดือน ฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 13 เดือน ริบอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) และซองกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและข้อหาพยายามจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นกรรมเดียว ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพยายามจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้าตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 24, 73 ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 เมื่อรวมโทษข้อหาอื่นแล้วให้จำคุกมีกำหนด1 ปี 7 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานอนุญาตและซองกระสุนปืน 1 อัน อาวุธปืนพกออโตเมติก (COLT) ขนาด .45 (11 มม.) หมายเลขทะเบียน 3304874 หมายเลขประจำปืน SS 43594 และซองกระสุนปืน 1 อัน อาวุธปืนพกออโตเมติก (COLT) ขนาด .45 (11 มม.) หมายเลขทะเบียน 3715011 หมายเลขประจำปืน SN 11112 E อาวุธปืนยาวลูกกรด ขนาด .22 MAGNUM หมายเลขทะเบียน นฐ 01/41500030 หมายเลขประจำปืน 677319 ซองกระสุนปืน 1 อัน ซึ่งอาวุธปืนทั้งสามกระบอกเป็นของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย กระสุนปืนออโตเมติก ขนาด .45 (11 มม.) 6 นัด กระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 12 นัด และกระสุนปืนลูกกรด ขนาด .22 MAGNUM 2 นัด โดยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวสามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และจำเลยพยายามจำหน่ายอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานอนุญาต 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน 1 อัน สำหรับการค้าให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานในราคา 36,000 บาท โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ดังนี้ เมื่ออาวุธปืนที่จำเลยมีและพยายามจำหน่ายสำหรับการค้าเป็นอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานอนุญาต และจำเลยยังมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น ซองกระสุนปืน และเครื่องกระสุนปืนของกลางอื่นอีก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตอีกกระทงหนึ่งด้วย จึงต้องลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า จำเลยมีเจตนาพาอาวุธปืนของกลางหรือไม่ เห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังได้ตามฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาพาอาวุธปืนพกออโตเมติก (STAR) ขนาด .38 (9 มม.) พร้อมกระสุนปืน อาวุธปืนพกออโตเมติก (COLT) ขนาด .45 (11 มม.) พร้อมซองกระสุนปืนบรรจุกระสุนปืน 6 นัด ติดตัวไปตามถนนภายในหมู่บ้าน จำเลยเพิ่งยกข้อเท็จจริงขึ้นในชั้นฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาพาอาวุธปืนดังกล่าว จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายว่า มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียนและมีทะเบียนพร้อมกระสุนปืนไว้ในครอบครองหลายกระบอกและหลายนัด แล้วยังพาอาวุธปืนของกลาง 2 กระบอกไปตามถนนในหมู่บ้าน จากนั้นจำเลยพยายามจำหน่ายอาวุธปืนของกลาง 1 กระบอก ให้แก่สายลับอีก การกระทำของจำเลยเป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและเป็นอันตรายต่อผู้อื่นอย่างยิ่ง ทั้งหากจำเลยจำหน่ายอาวุธปืนได้สำเร็จเมื่อมีการใช้อาวุธปืนดังกล่าวก่อเหตุใด ๆ ขึ้น ย่อมยากแก่การตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริงได้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ยังไม่เป็นเหตุอันควรให้ความปรานีแก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานอื่นแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share