แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรและบุตรอื่นทำกิน. มิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท. เมื่อจำเลยที่ 2 เข้าทำนาพิพาท.โจทก์ห้ามแต่จำเลยที่ 2 ไม่ฟัง. เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว. แม้โจทก์อายุมาก. ทำนาเองไม่ได้. ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย.
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้อง. ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอบกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น. ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1. ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน.แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลื่อน. ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอบและจำเลยที่ 1 เสียได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรโจทก์ ได้ใช้อุบายหลอกลวงนายคอยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของนาแทนโจทก์ว่า จำเลยที่ 1อยากก่นสร้างหัวนาที่โจทก์แบ่งแยกให้ทำกิน ขอให้นายคอยลงชื่อในแบบพิมพ์เพื่อไปยื่นอำเภอขออนุญาตถางป่า นายคอยลงชื่อให้ไป จำเลยที่ 1 ประกาศโอนขายที่นาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าแบบพิมพ์ที่จำเลยที่ 1 เอาให้นายคอยลงนามเป็นสัญญายกที่นาให้จำเลย และหนังสือโอนที่นาให้จำเลย จำเลยที่ 1 ได้ให้จำเลยที่ 2 บุกรุกเอาไถคราดเข้ายึดครองที่พิพาท ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้ใช้ค่าเสียหายฐานละเมิด ขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ 1 เสีย จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้ให้นายคอยโอนให้เป็นการเด็ดขาด ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยทั้งสอง คำขออื่นให้ยก โจทก์จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ได้ความว่าโจทก์มอบหมายให้นายคอยไปโอนแทนโดยชอบอย่างไร นายคอยไม่มีอำนาจโอน โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ โจทก์ฎีกาว่า ในเรื่องค่าเสียหายนั้น แม้โจทก์จะได้แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 และบุตรอื่นทำกิน การที่จำเลยที่ 1 เอานาพิพาทไปขายเป็นการผิดความประสงค์ของโจทก์จึงเรียกค่าเสียหายได้ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์แบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ 1 และบุตรคนอื่น ๆ ทำกินมิได้ทำให้โจทก์หมดสิทธิหรือขาดประโยชน์ในที่พิพาท เมื่อจำเลยที่ 2เข้าทำนาในปี 2509 โจทก์ได้ห้าม แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมฟัง เป็นการทำให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำนาแล้ว แม้โจทก์จะอายุความทำนาเองไม่ได้ก็ไม่เป็นเหตุให้อ้างได้ว่าโจทก์ไม่เสียหาย จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ไม่ได้ทำนาในปี 2509 และปีต่อ ๆ ไปตามที่โจทก์ขอ โจทก์ฎีกาขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาพิพาทที่ทำขึ้นทั้งหมด ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่นาระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่านายคอยเป็นผู้ทำนิติกรรมการโอนกับจำเลยที่ 1ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนายคอยในสำนวน แสดงว่าเป็นคำขอที่พิมพ์คลาดเคลือนไปเท่านั้น จึงสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยและจำเลยที่ 1 เสียได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ไม่กำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ และไม่สั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ 1 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สำหรับปี 2509 และปีต่อ ๆ ไปปีละ 500 บาทจนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท และให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่พิพาทระหว่างนายคอยกับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.