แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการลงข่าวในหนังสือพิมพ์ออกจำหน่ายขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยทั้งสามให้การว่าไม่ได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์เฉพาะจำเลยที่3ฟ้องแย้งว่าการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่3เป็นคดีนี้ทำให้จำเลยที่3ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังหมดความเชื่อถือในการประกอบอาชีพขอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นเรื่องที่จำเลยที่3กล่าวหาว่าการที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่3เป็นคดีนี้ทำให้จำเลยที่3ได้รับความเสียหายดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยที่3อาศัยเหตุต่างกันจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและประกอบกิจการออกหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์และโฆษณาหนังสือพิมพ์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นลูกจ้างหนังสือพิมพ์เดลินิวส์สุราษฎร์ธานีของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่8 และ 9 สิงหาคม 2536 จำเลยทั้งสามสมคบร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ โดยการลงข่าวในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เผยแพร่ออกจำหน่ายทั่วประเทศทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนชั่วร้ายอันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 4,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และมิได้ร่วมกับจำเลยที่ 3ทำละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ทำให้จำเลยที่ 3 ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่ 3 เป็นเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3แต่ต่อมาในระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่รับคำให้การและฟ้องแย้งนั้นเสีย และมีคำสั่งใหม่ว่ารับคำให้การของจำเลยที่ 3 ส่วนมูลหนี้ตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 เกิดขึ้นหลังจากที่มีการฟ้องคดีนี้แล้ว เป็นการเกิดขึ้นต่างหากจากฟ้องเดิมฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ซึ่งไม่สามารถนำมารวมพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
จำเลย ที่ 3 อุทธรณ์ คำสั่ง ที่ ไม่รับฟ้อง แย้ง
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ที่ 3 ฎีกา ขอให้ รับฟ้อง แย้ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกามีว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามสมคบร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการลงข่าวในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เผยแพร่ออกจำหน่ายทั่วประเทศทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนชั่วร้าย อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีว่าไม่ได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ เฉพาะจำเลยที่ 3 ฟ้องแย้งว่า การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีนี้ทำให้จำเลยที่ 3 ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชังหมดความเชื่อถือในการประกอบอาชีพ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยการลงข่าวใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 3กล่าวหาว่าการที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีนี้ทำให้จำเลยที่ 3 ได้รับความเสียหาย ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 ดังกล่าวเป็นฟ้องแย้งที่อาศัยเหตุต่างกัน ดังนั้นฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 จึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมไม่อาจรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยที่ 3 ชอบแล้ว”
พิพากษายืน