แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาททั้งสองคันต่อจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่ารถยนต์คันพิพาทยังอยู่กับจำเลยหรือไม่ หรือจำเลยได้มอบรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์แล้ว ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันและเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีก่อนแล้ว และไม่ปรากฏว่ามีการวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอรถยนต์พิพาทคืนในชั้นบังคับคดีในคดีก่อนฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยคดีนี้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยขอบังคับให้โจทก์คดีนี้ปฏิบัติตามสัญญาขายรถยนต์โดยสาร 2 คัน ศาลพิพากษาให้โจทก์คดีนี้โอนรถยนต์ทั้งสองคันตามสัญญาซื้อขายให้เป็นชื่อจำเลยหากไม่สามารถโอนได้ให้โจทก์คืนเงินเฉพาะค่ารถยนต์ที่เหลือ 2 คันเป็นเงิน 300,000 บาท ให้จำเลยพร้อมดอกเบี้ย คดีถึงที่สุดแล้วในชั้นบังคับคดีปรากฏว่า โจทก์ไม่สามารถโอนทะเบียนรถยนต์เป็นชื่อของจำเลยได้ จึงได้ชดใช้เงินแทน แต่จำเลยไม่ยอมส่งมอบรถยนต์คันหมายเลขข้างรถ 60-2 หมายเลขทะเบียน ป.จ.00857 แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 600,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีกับให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์เป็นเงิน 330,000 บาทและค่าขาดประโยชน์ในอัตราวันละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า คดีก่อนศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดให้จำเลยชนะคดีไปแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องเรียกให้จำเลยคืนรถยนต์ซื้อขายตามสัญญาเป็นการรื้อคดีเก่ามาพิพาทกันใหม่เป็นฟ้องซ้ำโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในชั้นบังคับคดีหมายเลขแดงที่ 40/2518 ดังกล่าวโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนั้นได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คันพิพาทคืนโจทก์เสียก่อนจึงจะจ่ายเงินศาลวินิจฉัยแล้วไม่อนุญาตการที่โจทก์กลับมาฟ้องเรียกรถยนต์ที่เคยร้องขอคืนต่อศาลมาแล้วอีกเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้รถคันพิพาทที่โจทก์ฟ้องเป็นรถยนต์ที่บริษัทนายกปราจีน จำกัดเป็นผู้เช่าซื้อจากบริษัทวิริยะพาณิชย์ จำกัด แม้หากฟังได้ว่าโจทก์ซื้อในนามบริษัทนายกปราจีน จำกัด โจทก์ก็ผิดสัญญาไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อจนบริษัทวิริยะพาณิชย์ จำกัด บอกเลิกสัญญาและยึดรถยนต์คืน โจทก์จึงไม่มีสิทธิในรถยนต์พิพาท โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง บริษัทวิริยะพาณิชย์ จำกัด ไม่สามารถยึดรถยนต์คันพิพาทได้เพราะหาไม่พบ เมื่อจำเลยถูกรอนสิทธิเนื่องจากความผิดของโจทก์ทำให้จำเลยไม่สามารถครอบครองรถยนต์พิพาทอีกต่อไป จำเลยจึงจอดรถยนต์ทิ้งไว้ข้างบ้านโจทก์ที่จังหวัดนครนายกและแจ้งให้โจทก์ทราบให้จัดการโอนและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่จัดการจำเลยขอส่งมอบคืนให้โจทก์โดยจอดไว้ข้างบ้านโจทก์ตามเดิม และฟ้องคดีหมายเลขแดงที่ 40/2518 ดังนั้น รถยนต์พิพาทจึงไม่อยู่ในความครอบครองของจำเลย จำเลยส่งมอบคืนรถยนต์พิพาทแล้วโจทก์ไม่ดูแลรักษาปล่อยทิ้งจนหมดสภาพเป็นความผิดของโจทก์เองและขณะนี้รถยนต์ชำรุดเป็นเศษเหล็ก มีราคาไม่เกิน 2,000 บาทหากจำเลยต้องใช้เงินคืนโจทก์ไม่เกิน 2,000 บาท เมื่อจำเลยไม่สามารถนำรถยนต์พิพาทออกวิ่งรับผู้โดยสารได้เพราะถูกยึดคืน และจำเลยได้ซื้อรถยนต์ใหม่มาวิ่งแทนรถยนต์พิพาทแล้ว รถยนต์พิพาทจึงใช้วิ่งรับคนโดยสารและวิ่งในเส้นทางสัมปทานไม่ได้จึงไม่มีรายได้ตามที่โจทก์ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน ป.จ.00857 ในสภาพที่ใช้การได้แก่โจทก์หากไม่สามารถคืนได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงินจำนวน 30,000 บาทและให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์ในการที่โจทก์ไม่ได้ใช้รถยนต์ดังกล่าวในอัตราเดือนละ 3,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์2528 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะส่งคืนรถยนต์หรือใช้ราคาแทนโจทก์แต่ค่าขาดประโยชน์ต้องมีจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 36,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยส่งมอบรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน ป.จ.00857 คืนให้โจทก์ไม่ได้ให้ใช้ราคา60,000 บาทแทน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำและดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 40/2518 ของศาลจังหวัดนครนายกนั้น เห็นว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 40/2518 ของศาลจังหวัดนครนายก มีประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายรถยนต์พิพาททั้งสองคันต่อจำเลยหรือไม่ ส่วนคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่ารถยนต์คันพิพาทยังอยู่กับจำเลยหรือไม่ หรือจำเลยได้มอบรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์แล้วซึ่งเป็นคนละประเด็นกันและเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังที่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีแรกแล้ว ส่วนที่อ้างว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในชั้นบังคับคดีในคดีดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่ามีการวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอรถยนต์พิพาทคืนว่าโจทก์มีสิทธิได้รับรถยนต์พิพาทคืนพร้อมได้รับค่าเสียหายหรือไม่ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
พิพากษายืน