คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดเนื่องจากการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาต้องบรรยายฟ้องให้เข้าลักษณะที่บัญญัติไว้ใน ป.ว.พ.มาตรา 263 (1) มิฉะนั้นเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ อันควรรับไว้พิจารณา
(อ้างฎีกาที่ 488/2488)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เนื่องจากคดีแพ่งดำที่ ๔๗/๘๖ ซึ่งจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ส่งข้าวเปลือกให้จำเลยตามสัญญา จำเลยได้นำเจ้าพนักงานยึดจักรเย็บผ้าสองคัน ซึ่งโจทก์เช่ามาจากผู้อื่น ศาลได้พิพากษายกฟ้องของจำเลยในคดีนั้น และสั่งคืนจักร์ที่จำเลยนำยึดมา การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหารวม ๗๑๔ บาท จำเลยไม่ยอมชดใช้จึงขอให้ศาลบังคับ
ศาลจังหวัดอุดรธานีสั่งว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดฐานละเมิด ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตาม ป.ว.พ.มาตรา ๑๗๒ วรรค ๒ แล้ว พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์หาว่าจำเลยละเมิดการที่จำเลยจะต้องรับผิดในกรณีเช่นนี้ จะต้องเข้าลักษณะตาม ป.ว.พ.มาตรา ๒๖๓ (๑) คือต้องปรากฎว่า ศาลมีคำสั่งโดยมีความเห็นลงไปว่า สิทธิเรียกร้องของผู้ขอมีเหตุผลอันสมควรโดยความผิดหรือเลินเล่อของผู้ขอ ฉะนั้นโจทก์จึงจำต้องกล่าวความข้อนี้ให้ปรากฎในคำร้อง เพราะเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ตาม ป.ว.พ.มาตรา ๑๗๒ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายไว้ก็เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ พิพากษากลับให้ยกยกฟ้องโจทก์

Share