คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681-682/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินซึ่งมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แต่บุตรจำเลยมิได้เป็นคู่ความในคดี กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 ศาลจะพิพากษาหรือสั่งใด ๆ ให้ผูกพันบุตรของจำเลย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขุนรจนาสวัสดิ์ เจ้ามรดกถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ ผู้ตายมีที่ดินยังไม่ได้แบ่งมรดกอยู่ ๒ แปลง คือ โฉนดที่ ๓๖๗๖ และ ๓๖๖๔ จำเลยได้ทำใบมอบอำนาจปลอมโอนที่ดินโฉนดที่ ๓๖๗๖ ให้จำเลยกึ่งหนึ่ง และโอนโฉนดที่ ๓๖๖๔ ให้แก่เด็กชายสมพรบุตรจำเลย จึงขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้ง ๒ แปลง และขอให้แบ่งมรดกตามบัญชีทรัพย์ทั้งหมดให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินของผู้ตายเหลืออยู่เพียงแปลงเดียว คือ โฉนดที่ ๓๖๗๖ ส่วนโฉนดที่ ๓๖๖๔ เป็นของเด็กชายสมพรบุตรจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนที่ดินทั้ง ๒ โฉนด และให้กลับใส่ชื่อเจ้ามรดก และจัดแบ่งรวมกับทรัพย์มรดกอื่นให้แก่โจทก์จำเลย รวม ๔ ส่วน
โจทก์ จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้เด็กชายสมพรมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๓๖๖๔ มิได้เป็นคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาล และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๑๔๕ ป.วิ.พ. ศาลย่อมพิพากษาหรือสั่งใด ๆ ให้ผูกพันเด็กชายสมพร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เฉพาะที่ดินโฉนดที่ ๓๖๖๔ ตามฟ้องให้ยกเสีย นอกนั้นยืนตาม

Share