คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6801/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์มิได้นำสายลับที่อ้างว่าได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 2 เม็ดจากจำเลยมาเป็นพยานยืนยันการกระทำผิดของจำเลยแต่กลับนำเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์การขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับมาเบิกความนั้น ไม่สามารถรับฟังได้ว่า สายลับจะได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลยหรือไม่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาทั้งในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาและ เมทแอมเฟตามีนของกลางที่สายลับมอบให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีนที่สายลับล่อซื้อมาจากจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรที่อ้างว่ามอบให้สายลับนำไปล่อซื้อและค้นได้จากตัวจำเลย แม้จะเป็นเช่นนั้นจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้ เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการตรวจค้นและจับกุมจำเลยต่างเบิกความแตกต่างกันบางคนว่าพบเมทแอมเฟตามีนอยู่ใต้เขียงบนพื้นบ้าน บางคนว่าพบซ่อนอยู่บริเวณไม้หน้าบ้าน บางคนว่าพบอยู่บริเวณกองไม้ภายในบ้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบันทึกการตรวจค้นจับกุมจำเลย และภาพถ่ายที่เกิดเหตุที่ระบุว่า ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่บริเวณใต้แผ่นกระดานซึ่งวางอยู่ข้างที่นอนภายในบ้าน พยานหลักฐานโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ สำหรับข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น โจทก์มิได้นำสายลับที่อ้างว่าได้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 2 เม็ด จากจำเลยมาเป็นพยานยืนยันการกระทำความผิดของจำเลย พยานโจทก์จึงมีแต่พันตำรวจโทสมบูรณ์ เสียงลือชาจ่าสิบตำรวจสมพิศ คำเที่ยง และสิบตำรวจตรีสุเมธ ใหญ่ยิ่ง ผู้จับกุมจำเลย ซึ่งไม่เห็นเหตุการณ์การขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้สายลับ ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานให้รับฟังว่า ความจริงสายลับจะได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจำเลยหรือไม่ ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมาทั้งในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาและเมทแอมเฟตามีนของกลางที่สายลับมอบให้แก่พันตำรวจโทสมบูรณ์ก็ไม่เป็นการแน่นอนว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีนที่สายลับซื้อมาจากจำเลย ลำพังแต่ธนบัตรซึ่งพยานโจทก์อ้างว่ามอบให้สายลับนำไปใช้ล่อซื้อและค้นได้จากตัวจำเลยแม้จะเป็นเช่นนั้นจริง ก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟังเป็นหลักฐานให้เชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า เป็นเงินที่จำเลยได้มาจากการขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวจึงไม่มั่นคงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยในข้อหานี้ได้
ส่วนข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พยานโจทก์ดังกล่าวต่างเบิกความถึงบริเวณที่สิบตำรวจตรีสุเมธ ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง1 เม็ด ที่กล่าวหาจำเลยเป็นความผิดข้อหานี้แตกต่างกัน โดยพันตำรวจโทสมบูรณ์เบิกความว่า เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ใต้เขียงบนพื้นบ้าน ไม่ปรากฏว่าอยู่ในบริเวณใดของบ้าน ส่วนจ่าสิบตำรวจสมพิศเบิกความว่า ซุกซ่อนอยู่บริเวณแผ่นไม้ที่อยู่หน้าบ้าน ในขณะที่สิบตำรวจตรีสุเมธกลับอ้างว่า ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวที่บริเวณกองไม้ภายในบ้านของจำเลยและไม่สอดคล้องกับบันทึกการตรวจค้นจับกุมจำเลย เอกสารหมาย จ.3 และภาพถ่ายที่เกิดเหตุ หมาย จ.6 ภาพที่ 4 ที่ระบุว่าได้ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่บริเวณใต้แผ่นกระดานซึ่งวางอยู่ข้างที่นอนภายในบ้านพยานหลักฐานโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดในข้อหานี้หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

Share