คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่มีอัตราโทษจำคุก อย่างสูงถึง 10 ปี ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคแรกบัญญัติว่าก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้ ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยไม่มีทนาย และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไปโดยที่มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการเสียให้ถูกต้อง การดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวเป็นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและเสพเฮโรอีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 67, 91 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกฐานมีเฮโรอีนกระทงหนึ่งและฐานเสพเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่งจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองกับฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 อันเป็นความผิดตามมาตรา 67 และมาตรา 91 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคแรก บัญญัติว่า “ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปก่อนเริ่มพิจารณา ให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ก็ให้ศาลตั้งทนายให้” ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณาแต่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนาย ต่อมาในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาคดีไปโดยที่มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นจัดการสอบถามจำเลยเรื่องทนายเสียให้ถูกต้อง การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล่างทั้งสอง จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”

Share